“อาคม” แนะ คปภ.ศึกษารูปแบบกรมธรรม์ประกันความเสียหายจากสภาวะแวดล้อม

“อาคม” แนะ คปภ.ศึกษารูปแบบกรมธรรม์ประกันความเสียหายจากสภาวะแวดล้อม

“อาคม”แนะ คปภ.ศึกษารูปแบบกรมธรรม์ การประกันความเสียหายจากสภาวะแวดล้อม และรวมถึงการประกันภัยในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในระหว่างการเป็นประธานเปิดการศึกษาอบรมหลักสูตรสุดยอดผู้นำวิทยาการประกันภัยระดับสูง ซึ่งจัดโดย คปภ. ว่ากล่าวว่า คปภ.ควรศึกษา รูปแบบกรมธรรม์ การประกันความเสียหายของสภาวะแวดล้อม และรวมถึง การประกันภัยในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ

“คปภ.ควรเข้าไป ศึกษารูปแบบความเป็นไปได้ของการทำประกันภัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น หากบริษัทเอกชนที่ซื้อประกันดังกล่าว แล้วเกิดความผิดพลาดทำให้สิ่งแวดล้อมในบริเวณนั้นเสียหาย บริษัทก็น่าจะสามารถเคลมการประกันภัย เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมในบริเวณนั้นให้กลับคืนมา

เขากล่าวว่า การมีประกันภัยสิ่งแวดล้อม น่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดระบบการรักษาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นเพื่อช่วยกันรักษาอากาศที่เราหายใจให้บริสุทธิ์

 

นอกจากนั้น เขายังกล่าวอีกว่า การประกันภัยโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ซึ่งที่ผ่านมา โครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ยังไม่มีการทำประกันภัย เพราะมองว่า จะทำให้ต้นเพิ่มขึ้น ขณะที่ บริษัทประกันภัย หากรับประกันภัยโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ก็อาจจะต้องคิดเบี้ยประกันในระดับที่สูงกว่าการประกันอาคารหรือโรงงานทั่วๆ ไป  ดังนั้น จึงจะต้องมาช่วยกันวิเคราะห์ ถึงจุดที่เหมาะสม เพื่อให้การประกันประเภทนี้มีความเป็นไปได้ ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศก็มีรูปแบบกรมธรรม์ประกันภัยนี้แล้ว

 

เขากล่าวอีกว่า ระบบประกัน ถือเป็นส่วนหนึ่งของภาคการเงินในประเทศ โดยเฉพาะการประกันชีวิต ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งเงินออมหลังเกษียณของประชาชนระบบหนึ่งด้วย นอกเหนือจากระบบประกันสังคม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่เกิดการระบาดของโควิด ทำให้คนหันมาสนใจในเรื่องการประกันสุขภาพกันมากขึ้นด้วย

 

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางภูมิภาคการของโลก ยังเป็นโอกาสให้เกิดการขยายตัวของการประกันภัยในประเทศด้วย เนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ อาจส่งผลต่อทรัพย์สินของประชาชน และนักธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน หรือโรงงานอุตสาหกรรม  ดังนั้นการทำประกันภัยไว้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยง

 

เขายังกล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ว่า ภาคส่งออกซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวราว 11 % ขณะที่ ทั้งปีที่แล้ว ขยายตัว 20%  ซึ่งการขยายตัวของภาคส่งออกในปีนี้ ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง  อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงนั้น ทำให้วัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะน้ำมันมีราคาสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ได้พยายามออกมาตรการเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน

 

ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวที่มาจากชาวต่างชาติ คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 12 % ของจีดีพีนั้น นายอาคม กล่าวว่า  ในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาเที่ยวไทยประมาณ 8 -10 ล้านคนหรือเท่ากับ 1 ใน 4  ของนักท่องเที่ยวที่เคยเข้าไทยในช่วงก่อนโควิด  ซึ่งนักท่องเที่ยวจากจีน ยังไม่ได้มาเที่ยวไทย เนื่องจากมาตรการเข้มงวดของรัฐบาลจีนในเรื่องการเดินทางออกนอกประเทศของคนจีน  แต่ทั้งนี้ เชื่อว่า ในปีหน้าสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยน่าจะดีขึ้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์