เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ชี้โอกาสลงทุนในจีน ผ่าน K-CHINA
เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ชี้โอกาสลงทุนในจีน ผ่านกองทุน K-CHINA ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีนเติบโต คุณภาพสูง อยู่ในกลุ่มธุรกิจใหม่เพื่อคว้าโอกาสรับผลตอบแทนในอนาคต
นางสาวศิริพร สุวรรณการ Senior Managing Director, Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จากภาพรวมการลงทุนทั่วโลก สถานการณ์เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐ กดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลง
ในขณะที่จีนยังก็คงดำเนินนโยบาย Zero-Covid ที่แม้จะยืดหยุ่นมากขึ้น แต่เมื่อมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อทางการจีนก็ยังมีการประกาศให้ล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง ในขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ยังคงอ่อนแอ จากปัญหาด้านสภาพคล่องในบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่แม้ว่ารัฐบาลจะมีการเข้ามาให้ความช่วยเหลือ แต่ก็อาจยังไม่เพียงพอที่จะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นซึ่งเป็น 2 ปัจจัยกดดันหลักทำให้ตลาดหุ้นจีนยังไม่ฟื้นตัว
อย่างไรก็ดี จีนยังสามารถใช้นโยบายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง และจีนยังไม่มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยเหมือนกับประเทศอื่นๆ
ยิ่งไปกว่านั้น การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคม ที่จะถึงนี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนยังต้องติดตามว่านโยบายของจีนจะเปลี่ยนไปอย่างไร และจะกระทบต่อภาพรวมการลงทุนอย่างไร
มร.โฮเวิร์ด หวัง Head of Greater China Equities JP Morgan Asset Management กล่าวว่า จากนโยบาย Zero-Covid ของจีน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการบริโภคในประเทศ อีกทั้งปัญหาในภาคอสังหาฯ ล้วนส่งผลให้ยอดขาย และการลงทุนหดตัว ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี JP Morgan มองว่าจีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆ แทน เช่น
1) จีนจะลดความเข้มงวดข้อบังคับในบริษัทอินเทอร์เน็ต หลังจากที่เข้มงวดมามากก่อนหน้านี้ ซึ่งแม้ว่าจะกระทบต่อผลดำเนินงานของบริษัทเทคโนโลยี แต่เชื่อว่าจะทำให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้นได้ในระยะยาว
2) สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมในประเทศ เพื่อหันมาพึ่งพาการผลิตในประเทศมากขึ้น และลดการพึ่งพาต่างชาติ
3) สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด ให้สอดคล้องกับกระแสหลักของโลกที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
โดย 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่ JP Morgan เลือกลงทุนในหุ้นจีน ได้แก่
1) Technology: การอัปเกรดเทคโนโลยี และทดแทนการนำเข้า โดยความสนับสนุนของรัฐบาลจีนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) ภาคเอกชนจึงมีการลงทุนในหลากหลายด้าน ซึ่งจะผลักดันให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก
เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรม และเซมิคอนดักเตอร์ เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
2) Carbon Neutrally: เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยพลังงานสะอาด จากการที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 ทำให้การลงทุนในธุรกิจ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมีความน่าสนใจ
ไม่ว่าจะเป็น พลังงานทดแทน รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรวมถึงการผลิตชิ้นส่วน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยรถยนต์ไฟฟ้าขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มผู้บริโภคจีนอีกทั้งประเทศจีนมีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ลิเทียมที่มีเทคโนโลยีทันสมัย รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอีกด้วย
3) Consumption: ผู้บริโภคต้องการสินค้าคุณภาพ และสุขภาพที่ดี จีนทำ จีนใช้ จีนเติบโต จากการที่จีนเป็นตลาดด้านการบริโภคที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของโลก จากจำนวนประชากร 1.4 พันล้านคน เทียบเท่ากับสหรัฐ นอกจากนี้ ยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยในประเทศจีน คาดว่าจะแตะระดับ 48 ของยอดขายทั่วโลก ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ JP Morgan ประเมินว่าการลงทุนในระยะยาวในตลาดหุ้นของประเทศจีนปัจจุบัน มีโอกาสสร้างผลตอบแทนประมาณ 15-20% ต่อปีในระยะ 5 ปี ข้างหน้า เนื่องจาก Valuation อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว และต่ำกว่าตลาดหุ้นหลักอื่นๆ ของโลก และตลาดได้สะท้อนปัจจัยลบต่างไปมากแล้ว
ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า นโยบาย Zero-Covid ของจีนที่ยังคงกดดันเศรษฐกิจให้ไม่สามารถฟื้นตัวได้เป็นเรื่องของการเมือง เนื่องจากเกรงว่าการแพร่ระบาด จะลุกลามก่อนการประชุมสมัชชาใหญ่ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดีหลังการประชุมผ่านไป ทางการจีนน่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายแบบค่อยๆ ผ่อนคลาย เริ่มจากปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ก่อน ซึ่งอาจจะกินเวลายาวนานถึง 1 ปีกว่าZero-Covid จะสิ้นสุด
ด้านภาคอสังหาฯ ของจีน คาดว่าสี จิ้น ผิง ไม่น่าจะออกมาตรการรุนแรงใดที่จะช่วยกระตุ้นกลุ่มอสังหาฯ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมองกว่ากลุ่มนี้ไม่ได้เป็น Growth Engine หรือตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะมองว่าบ้านมีไว้สำหรับอยู่อาศัย ไม่ได้มีไว้ปั่นราคา มองว่าหากกลุ่มอสังหาฯ ไม่สามารถกลับมาเฟื่องฟูได้
แต่ยังมีกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า หรือนวัตกรรมด้าน Hardware ต่างๆ ที่จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญมากกว่า ส่วนเรื่องการมาตรการเพื่อควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในจีน
ไม่ว่าจะเป็น เกมออนไลน์ อีคอมเมิร์ส โซเชียล มีเดีย และ สถาบันกวดวิชา จากความกังวลว่าจะเกิดการผูกขาด จะไม่มีการเข้มงวดเพิ่มเติม แต่คงจะไม่ผ่อนคลายอย่างมีนัยสำคัญเพราะทางการจีนมองว่ากลุ่มธุรกิจเหล่านี้เป็นเศรษฐกิจมายา ไม่ใช่ เศรษฐกิจจริง
อย่างเช่น กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ พลังงานสะอาด รวมถึงระบบการทำงานอัตโนมัติ (Automation) ที่จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกให้กับจีนได้
นางสาวศิริพร กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า KBank Private Banking ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุน มองว่าหลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะมีแผนการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในระยะยาวที่มีความชัดเจนทั้งในด้านการอัปเกรดเทคโนโลยี และทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยพลังงานสะอาดเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน การบริโภคสินค้าที่ผลิตในประเทศที่ผู้บริโภคจีนต้องการสินค้าคุณภาพ และสุขภาพที่ดีทำให้การลงทุนในจีนเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะสร้างโอกาสเติบโตได้อย่างโดดเด่น โดยในกรณีฐานคาดหวังผลตอบแทนสูงถึง 17-20% ใน 12 เดือนข้างหน้า
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์