เปิด 5 อันดับ "กองทุนหุ้นเวียดนาม" พิชิตความผันผวน-ผลตอบแทนติดลบน้อยสุด
มอร์นิ่งสตาร์ เผย 5 อันดับ กองทุนหุ้นเวียดนาม ผลตอบแทนติดลบน้อยสุด นำโดย กองทุน B-VIETNAM ติดลบเพียง2.6% ขณะที่ผลตอบแทนภาพกองทุนดังกล่าว ติดลบ 10-20% ในปีนี้ บลจ.ยังแนะนักลงทุนเดิมและหน้าใหม่ มีเงินรอซื้อ ทยอยเข้าลงทุนได้ มองระยะข้างหน้า "เวียดนาม" โดดเด่นหลายมิติ
ตั้งแต่ต้นปี "ตลาดหุ้นเวียดนาม" ดัชนี VN-Index ปรับตัวลงมาแล้ว -19.55% (ณ 19 ก.ย. 2565) ส่งผลให้ "กองทุนหุ้นเวียดนาม" ให้ผลตอบแทนติดลบราว -10% ถึง -20% ซึ่งการปรับตัวลงแรงก่อนหน้านี้มาจากหลายปัจจัยด้วยกัน
- ปัจจัยภายในประเทศ
ทั้งจาก การเข้าจับกุมประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในประเทศข้อหาปั่นหุ้น ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามเริ่มเข้ามาตรวจสอบการใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading) นอกจากนี้การใช้ Margin Loan ที่สูงเพื่อซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา ยังส่งผลให้ตลาดปรับฐานแรงจากการถูกบังคับขาย (Force Sell) ของนักลงทุนในประเทศ
- ปัจจัยภายนอกประเทศ
ขณะที่ ปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น ความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ กดดันภาคการส่งออก, อัตราเงินเฟ้อสูง กดดันกำไรขั้นต้นของบริษัทจดทะเบียน และสภาพคล่องที่ลดลง จากการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวของธนาคารกลางทั่วโลก
แต่อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ท่ามกลาง ตลาดผันผวนทั่วโลก ฉุด "หุ้นเวียดนาม" ร่วงหนัก...ลองมาดูกันว่า "กองทุนหุ้นเวียดนามดาวเด่น" 5 อันดับแรก ที่ พิชิตความผันผวน สามารถสร้างผลตอบแทน "ติดลบน้อยที่สุด และยืนเหนือตลาด" ได้มีกองทุนไหนติดโผกันบ้าง
ข้อมูลจาก "มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)" รายงานภาพรวมผลตอบแทนกองทุนหุ้นเวียดนาม สะสมตั้งแต่ต้นปี (YTD) ณ 16 ก.ย.2565 เฉลี่ยอยู่ที่ -14.7% และรอบ 1 ปีที่ -13.9% ซึ่งต่างจากรอบทั้งปี 2564 ที่มีผลตอบแทนสูงเป็นอันดับต้น ๆ และรอบ 3 ปี ที่ 9.4%
5 อันดับกองทุนหุ้นเวียดนามที่มีผลตอบแทนติดลบน้อยที่สุด ได้แก่
- กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเวียดนาม (B-VIETNAM) ผลตอบแทน -2.6%
- กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเวียดนามเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-VIETNAMRMF) ผลตอบแทน -3.8%
- กองทุนเปิดเค เวียดนาม หุ้นทุน (K-VIETNAM) ผลตอบแทน -8.7%
- กองทุนเปิด แอล เอช เวียดนาม ชนิดจ่ายเงินปันผล (LHVN-D) ผลตอบแทน -12.3%
- กองทุนเปิด แอล เอช เวียดนาม ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (LHVN-E) ผลตอบแทน -12.3%
ขณะที่อนาคตการลงทุน "หุ้นเวียดนาม " ยังสดใสอยู่หรือไม่นั้น "ผู้จัดการกองทุน" ต่างมองว่า ยังเป็นโอกาสการลงทุนที่ดีในระยะยาว ตลาดในปัจจุบันค่อนข้างสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว
ทั้งจาก "ภาพเศรษฐกิจเวียดนามยังเติบโตดีต่องเนื่อง" โดยในช่วงครึ่งปีแรกของเวียดนามยังขยายตัวสูงที่ระดับ 6.42% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ ใกล้เคียงกับกรอบเป้าหมายทั้งปีที่รัฐบาลเวียดนามกำหนดไว้ที่ 6.0%-6.5%
นอกจากนี้ ความ"เสี่ยงเรื่องอัตราเงินเฟ้อของเวียดนามยังอยู่ในระดับต่ำ" เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ส.ค. อยู่ที่ 2.89% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากเดือน ก.ค. ที่ระดับ 3.14% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ขณะที่ในแง่ของการลงทุน "มูลค่าหุ้นเวียดนามยังมีความน่าสนใจ" ในการลงทุนระยะยาว จากราคาที่ยังไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ประเทศ โดยปัจจุบันค่า Forward P/E ของดัชนี VN-Index ปรับตัวลดลงมาอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ที่ระดับ 9.7 เท่า (ณ 19 ก.ย. 2565)
นอกจากนี้ "การยกระดับเข้าสู่ MSCI Emerging Markets Index" ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นประมาณปี 2567 จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น (Fund Flow)
นายเชาวน์กร โชติบัณฑ์ Head of Investment Strategy บลจ.เอ็มเอฟซี มองว่า เศรษฐกิจเวียดนามมีการเติบโตที่สูง อีกทั้งตลาดหุ้นยังมีมูลค่าไม่แพง อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูง เนื่องจากเป็น Frontier Market หรือ "ตลาดหุ้นชายขอบที่เพิ่งพัฒนาได้ไม่นาน" จึงมีความเสี่ยงเรื่องของสภาพคล่อง กฎเกณฑ์ และมาตรฐานการรายงานข้อมูลการเงิน
ดังนั้น สำหรับคนใหม่ที่จะเข้าลงทุน แนะนำให้ทยอยลงทุนด้วยความระมัดระวัง ตามระดับความเสี่ยงและสัดส่วนที่ผู้ลงทุนสามารถรับได้ แต่สำหรับคนที่มีอยู่แล้ว แนะนำให้ถือลงทุนต่อ เพราะราคาปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยลบไปค่อนข้างมากแล้ว
นายศุภกร ตุลยธัประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. พรินซิเพิล แนะนำว่า นักลงทุนที่มีกองทุนหุ้นเวียดนามอยู่แล้วสามารถถือต่อได้ รวมถึงหากยังมีสัดส่วนเงินลงทุนที่ตั้งใจจะลงทุนกองทุนหุ้นเวียดนามเพิ่มอยู่แล้ว สามารถทยอยซื้อเพิ่มเติมรวมถึงนักลงทุนใหม่ที่สนใจสามารถทยอยซื้อได้เช่นกัน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นเวียดนามถือว่าดูดีในหลายมิติ
