สมาคมสินเชื่อเช่าซื้อฯ เผยร่างเกณฑ์สบค.คุมเพดานดบ. ฉุดสินเชื่อวูบ 30%
"สมาคมเช่าซื้อไทย" ชี้เกณฑ์คุมดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ไม่เกิน10%-รถจักรยานยนต์ไม่เกิน23%ของสคบ.ประกาศสัปดาห์นี้ “ นายกสมาคมธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไทย”คาดฉุดสินเชื่อ-ยอดขายรถทั้งระบบวูบ 20-30% เตรียมเรียกทั้งอุตฯ ต้นน้ำ-ปลายน้ำ หากแนวทางรับมือ
นายวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ ประธานสมาคมเช่าซื้อไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ จำกัด เปิดเผยว่า คาด“ร่างประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเกี่ยวกับเรื่องเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์” ที่มีกระแสข่าวกำหนดเพดานดอกเบี้ยของสคบ.สำหรับรถยนต์ใหม่เพดานไม่เกิน 10% ต่อปี ,รถใช้แล้ว (รถมือสอง) ไม่เกิน 15% ต่อปี และรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 23% ต่อปี ที่คาดว่า จะประกาศออกมาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ (6-7 ต.ค.) มาใช้ได้ และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้จริง เดือน ม.ค.ปี 2566
ทั้งนี้หากเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อใหม่ดังกล่าวของสคบ.บังคับใช้ นอกจากกระทบการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์มากที่สุดแล้ว อีกส่วนหนึ่งจะกระทบกับกลุ่มรถใช้แล้วเกิน 10 ปีขึ้้นไป และคาดว่าธุรกิจไฟแนนซ์ท้องถิ่น(เต็นท์รถ) ถูกกระทบมากกว่าธุรกิจของแบงก์และนอนแบงก์ ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวในการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อลูกค้ากลุ่มเสี่ยงสูงมากขึ้น
นายมงคล เพียรพิทักษ์กิจ นายกสมาคมธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไทย กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางสมาคมฯ ได้ประเมินผลกระทบหากสคบ.มีการคุมเพดานดอกเบี้ยดังกล่าว จะทำให้ทั้งยอดสินเชื่อรถจักรยานยนต์ และยอดขายรถจักรยานยนต์ ทั้งระบบลดลงราว 20-30% จากปัจจุบันยอดสินเชื่อรถจักรยานยนต์เฉลี่ยที่ 90,000-100,000 ล้านบาท และยอดขายรถจักรยานยนต์ ที่ 1.6 ล้านคัน ซึ่งเป็นการซื้อแบบผ่อนชำระสัดส่วนถึง 80% และอีก 20% เป็นซื้อเงินสด
ทั้งนี้จากผู้ประกอบการสินเชื่อเช่าซื้อ (ไฟแนนซ์) ต้องปฏิตามหลักเกณฑ์และกฎหมาย ทำให้ต้องปรับตัวทบทวนเกณฑ์ เช่น การเพิ่มเงินดาวน์เฉลี่ย 10-30% และเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ( High Risk High Return) ที่ไม่สามารถ พิจสูจน์รายได้มาก่อน และดูกลุ่มอาชีพมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้และหนี้เสีย พร้อมกับพิจารณาลดต้นทุนในส่วนอื่นๆ ภายใต้ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว
ดังนั้นจะกระทบกับต่อการเข้าถึงสินเชื่อของกลุ่มคนฐานราก ที่เป็นอาชีพอิสระ ไม่มีรายได้ประจำ ที่ต้องการใช้รถเพื่อทำมาหากิน เช่น พ่อค้า แม่ค้า เกษตร วินมอร์เตอร์ไซด์ ไรเดอร์ หรือ แม้เด็กจบใหม่ ที่ไม่มีประวัติผ่อนชำระมาก่อน ก็ต้องมีเงินดาวน์ก่อนออกรถหรืออาจไม่สามารถออกรถได้หากไม่เข้าเงื่อนไข
" หากมีผลกระทบต่อตลาดภาพรวมในเชิงลบ คาดว่าทางการจะกลับมาทบทวนเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ในอัตราที่เหมาะสม และสมเหตุสมเผล"
นายมงคล กล่าวว่า ทางสมาคมฯ กำลังนัดหารือกับสมาชิก ลีดเลอร์ และผู้บริโภค ในเร็วๆนี้ เพื่อประเมินทิศทางตลาดภาพรวมจะไปต่อกันอย่างไร ต้องปรับเกณฑ์อย่างไรบ้างเพื่อให้อยู่รอด และหาแนวทางการช่วยเหลือดีลเลอร์และผู้บริโภค หากเพดานดอกเบี้ยใหม่ของ สคบ.ประกาศชัดเจน
โดยก่อนหน้าสมาคมฯ เสนอเพดานดอกเบี้ยไม่เกิน 30% เพราะเพดานเดิมที่ 32-33% ผู้ประกอบการ มีกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ย (มาร์จิ้น) ไม่ได้สูงมากอยู่แล้ว ราว 5-6% เมื่อลดดอกเบี้ยลงมาลึกมากที่ 23% เมื่อเป็นกฎหมาย ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติ หาวิธีการทำให้ธุรกิจยังมีกำไรและอยู่รอดได้
นายเตชินท์ ดุลยฤทธิรงค์ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า ตลาดรถใช้แล้วมีโอกาสได้รับผลกระทบ ยิ่งไฟแนนซ์ปล่อยสินเชื่อไม่ได้ และคนที่ไม่มีกำลังซื้อรถใหม่ที่เคยเข้าถึงรถใช้แล้วในต้นทุนที่ถูกกว่ารถใหม่ กลับเข้าไม่ถึงสินเชื่อได้เหมือนเดิม เมื่อจำนวนรถเท่าเดิม แต่ความต้องการใช้หายไป ทำให้ราคารถใช้แล้วในตลาดจะร่วงแน่นอน
แหล่งข่าวจากสถาบันการเงิน กล่าวว่า หากเพดานดอกเบี้ยรถจักรยานยนต์ใหม่ของสบค.ประกาศใช้ตามร่างดังกล่าวจริง ตอนนี้ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาทบทวนหลักเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อลูกค้ากลุ่มเสี่ยงสูงเข้มงวดขึ้น เพราะกลุ่มรถจักรยานยนต์ดอกเบี้ยจะหายไปถึง 10% ซึ่งมีโอกาสที่กลุ่มลูกค้าประวัติเริ่มอ่อน หรือไม่ดี จะถูกปฏิเสธ์สินเชื่อมากขึ้น
โดยใช้วิธีการเพิ่มเงินดาวน์กับกลุ่มนี้ 10-20% สูงสุด30% เช่น มอร์ไซด์คันละ50,000 แต่ก่อนไม่มีดาวน์ตอนนี้ คนจะมาซื้อต้องกำเงินสดมา 5,000-10,000 บาทถึงจะออกรถจักรยนต์ได้ ในมุมมองนี้ กระทบกับยอดขายรถจักรยานยนต์หายไป 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.6 ล้านคันหรือหายไป 300,000คัน ซึ่งเท่ากับว่า มีลูกค้าที่เคยเข้าถึงสินเชื่อ 300,000 ราย จะไม่สามารถเข้าถึงได้