มหากาพย์ดีล Twitter ของ Elon Musk และผลกระทบต่อหุ้น Tesla
ดีลการเข้าซื้อ Twitter ของ Elon Musk เป็นมหากาพย์ที่นักลงทุนต่างจับตา และพากันตั้งคำถามว่าเขาจะพา Twitter ไปในทิศทางใด จะส่งผลกระทบต่อหุ้น Tesla และธุรกิจอื่นๆ อย่างไร ภายใต้การนำของบุคคลคนเดียว
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Elon Musk ผู้เป็น CEO บริษัท Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าใหญ่ของโลก สร้างความฮือฮาให้กับตลาดด้วยการประกาศเดินหน้าเข้าซื้อ Twitter บริษัทโซเชียลมีเดียชื่อดัง ตามที่เคยตกลงกันไว้เมื่อเดือนเมษายนด้วยมูลค่าเดิมที่ 44,000 ล้านดอลลาร์ ที่ราคา 54.2 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่งผลให้ราคาหุ้น Twitter พุ่งขึ้นไปทันที 22% ที่ราคา 52 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานถึงความไม่แน่นอนด้วยการล้มดีลของ Elon Musk ส่งผลให้ Twitter ฟ้องร้องและเป็นประเด็นยืดเยื้อมาเป็นเวลานานหลายเดือน ซึ่งการประกาศเข้าซื้อ Twitter ครั้งนี้จึงเป็นที่จับตาของนักลงทุนในตลาดอย่างมาก โดยเขาจะมีเวลาจนถึงวันที่ 28 ต.ค. นี้ในการเข้าซื้อกิจการของ Twitter หากต้องการหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีในศาลที่ Twitter ยื่นฟ้องว่าเขาทำผิดข้อตกลง
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างพากันตั้งคำถามว่า Elon Musk จะพา Twitter ไปยังทิศทางใด และจะส่งผลต่อธุรกิจอื่นๆ อย่างไร ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า เขาตั้งเป้าที่จะเปลี่ยน Twitter เป็น Super App ที่มีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายภายใน App เดียว (all-in-one service) อย่างการส่งข้อความ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและบริการชำระเงิน ใกล้เคียงกับ WeChat ของ Tencent จากการที่เขาทวิตข้อความระบุว่า "Buying Twitter is an accelerant to creating X, the everything app" ในวันเดียวกับที่มีการประกาศกลับมาซื้อดีล รวมถึงรูปแบบของ Twitter อาจมีความใกล้เคียงกับ TikTok ซึ่งเป็น App วิดิโอขนาดสั้นที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลกด้วยเช่นกัน
- ย้อนรอยเหตุการณ์ จุดเริ่มต้นของดีลใหญ่
เรื่องราวเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 เมื่อ Elon Musk ทยอยซื้อหุ้น Twitter จนมีสัดส่วน 5% แต่กลับไม่ได้แจ้งสำนักงานคณะกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ภายในเวลาที่กำหนด โดยยังเข้าซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ที่สัดส่วน 9.55% (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ต.ค.) โดยระหว่างนั้น Parag Agrawal ผู้เป็น CEO ได้เชิญเขาเข้าร่วมบอร์ดบริหารซึ่งคาดว่าเป็นการป้องกันการเข้าครอบครองบริษัท โดยมีเงื่อนไขที่ระบุว่า Musk ต้องไม่ซื้อหุ้น Twitter เกิน 14.9% อย่างไรก็ตามในวันที่ 14 เม.ย. Elon Musk ได้ยื่นข้อเสนอซื้อ Twitter ทั้งบริษัทและจะนำออกจากตลาดหลักทรัพย์ด้วยมูลค่า 44,000 ล้านเหรียญ โดยระบุถึงศักยภาพของแพลตฟอร์ม Twitter และต้องการสนับสนุนเสรีภาพทางการพูด (free speech) ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ตอบรับข้อเสนอ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน พ.ค. เขากลับประกาศเลื่อนการเข้าซื้อ Twitter ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงไปราว -20% ในวันเดียว โดยระบุถึงปัญหาบัญชีสแปมและบัญชีปลอมในระบบซึ่งทางบริษัทแจ้งว่ามีอยู่ไม่เกิน 5% ของบัญชีที่สามารถหารายได้ต่อวัน (Monetizable Daily Active Users) ซึ่งเขาเชื่อว่าบัญชีปลอมและสแปมนั้นมีมากกว่า 5% จึงเรียกขอหลักฐานเพิ่มเติม จนกระทั่งถึงเดือน ก.ค. จึงออกมาประกาศล้มดีล ส่งผลให้ Twitter ออกมาฟ้องร้อง ซึ่งทาง Bloomberg ประเมินว่ามีโอกาสถึง 70% ที่ Twitter จะชนะ
โดยก่อนหน้าการประกาศล้มดีล ราคาหุ้นของ Twitter อยู่ต่ำกว่า 37 ดอลลาร์ ต่ำกว่าราคาเสนอซื้อมาก ซึ่งหลังจากการประกาศล้มดีล ราคาหุ้นร่วงต่อเนื่องไปอยู่ที่ราว 32 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยราคาหุ้น Twitter เริ่มมีการฟื้นตัวตั้งแต่บริษัทประกาศว่าจะดำเนินการฟ้องร้อง Elon Musk และล่าสุดดีดตัวกลับมาแตะระดับเหนือ 50 ดอลลาร์อีกครั้งตอบรับข่าวการกลับมาของดีลการซื้อกิจการ
ที่มา: Bloomberg
- ผลกระทบต่อหุ้นเทสล่าและประเด็นที่นักลงทุนกังวล
ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ Tesla กลับร่วงลงสวนทางจากความกังวลของนักลงทุนในหลายประเด็น โดยนักลงทุนมองว่า แม้การเข้าซื้อ Twitter อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับ Tesla แต่มูลค่าดีลเข้าซื้อที่สูงมากถึง 44,000 ล้านดอลลาร์นั้นมาจากเงินกู้ 25,500 ล้านดอลลาร์ โดย 12,500 ล้านดอลลาร์ เป็นหนี้สินส่วนตัว (personal loan) ที่อาจใช้หุ้นของ Tesla เป็นหลักประกัน และเงินส่วนตัวของ Elon Musk เองอีก 21,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจต้องขายหุ้น Tesla และจะส่งผลต่อราคาหุ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าเขาอาจต้องขายหุ้น Tesla มูลค่า 2,000 ล้าน – 7,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมองว่าเป็นการนำสินทรัพย์จากธุรกิจที่รุ่งเรืองอย่างรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้กับธุรกิจ social media ที่แทบไม่ทำกำไร ดังเช่นที่เขาเคยขายหุ้น Tesla มูลค่าราว 8,500 ล้านดอลลาร์ เมื่อช่วงเดือน เม.ย. หลังประกาศเข้าซื้อ Twitter และอีก 6,900 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือน ส.ค. ส่งผลให้ราคาหุ้น Tesla ปรับลง
แม้ว่าขณะนี้ Tesla ครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาสูงถึง 3 ใน 4 แต่บริษัทฯ กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อสูง อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงนักวิเคราะห์บางคนระบุถึงปัญหาการขาดรถยนต์โมเดลใหม่และประเด็นเรื่องคุณภาพที่ยังคงมีอยู่ จึงทำให้นักลงทุนบางส่วนกังวลว่าการเข้าซื้อ Twitter จะดึงความสนใจของ Elon Musk ซึ่งเป็น CEO ของ Tesla ไปด้วยนั่นเอง
ที่มา: Bloomberg
โดยภาพรวม ดีลการเข้าซื้อ Twitter บริษัท social media ชื่อดังของ Elon Musk ถือเป็นมหากาพย์ที่นักลงทุนในตลาดต่างจับตาอย่างใกล้ชิด ด้วยมูลค่าที่สูงถึง 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของบริษัทและการดำเนินธุรกิจของ Twitter และผลกระทบต่อ Tesla ซึ่งเป็น 2 บริษัทผู้นำตลาดในกลุ่มธุรกิจของตนเองและมี Market Capitalization อันดับต้นๆ กำลังจะอยู่ภายใต้การนำของบุคคลคนเดียว ซึ่งการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นอาจจะส่งกระทบต่อตลาดในภาพรวมได้ ดังนั้นดีลนี้จะจบลงอย่างไร ก็ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป
ที่มา: Bloomberg, CNBC, Reuters, nytimes, electrek
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds