"ทองคำ" รอจังหวะคัมแบ็ค ลุ้น 2 ปัจจัย ชี้ชะตาราคา "รุ่ง" หรือ "ร่วง"
3 เดือนสุดท้ายก่อนหมดปี 65 "ราคาทองคำ" จะเป็นอย่างไร ไปฟังทัศนะของ “กูรูตลาดทองคำ” ที่มีมุมมองทั้งแบบที่มองว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ และ มองว่าจะมีแรงผลักดันให้ทองคำขยับขึ้นไปได้อีก !
ผ่านมากว่า 10 เดือนของปี 2565 “ทองคำ” ยังถือเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย หรือ Safe Haven” ของเหล่านักลงทุนที่โยกย้ายเงินทุนมาพักไว้ชั่วคราว ! ในยามที่สถานการณ์โลกไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะหลังจากเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่มีทั้ง ยุโรป สหรัฐ และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) มาร่วมวงครั้งนี้ด้วย ทำให้ราคาทองคำพุ่งกระฉูดจนทำ “สถิติสูงสุด” (New High) อยู่ที่ 32,100 บาท (เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2565) หรือราคาทองคำโลกราคาอยู่ที่ 2,043 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ก่อนจะมาเจอปฏิบัติการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นำทีมธนาคารกลางหลักทั่วโลกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยฉบับรวดเร็ว เพื่อหวังสกัดกั้นเงินเฟ้อทั่วโลกที่พุ่งสูงแทบทุกประเทศ จนทำให้ราคาทองคำปรับลดลงมาบ้าง โดยราคาทองคำปรับตัว “ต่ำสุด” (New Low) อยู่ที่ 1,614 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (28 ก.ย. 2565) ขณะที่ทองคำไทยต่ำสุด 28,250 บาท (เดือนก.พ.2565)
3 เดือนสุดท้ายก่อนหมดปี 2565 ราคาทองคำจะเป็นอย่างไร “กรุงเทพธุรกิจ” พาไปฟังทัศนะของ “กูรูตลาดทองคำ” ที่มีมุมมองทั้งแบบที่มองว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ และมองว่าจะมีแรงผลักดันให้ราคาทองคำขยับขึ้นไปได้อีก !!
“จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” นายกสมาคมค้าทองคำ มีมุมมองว่า ราคาทองคำมีโอกาส “ลงต่อ” ได้อีก แต่มั่นใจจะไม่หลุด 29,000 บาท ! โดยปัจจัยที่จะชี้ชะตาราคาทองคำนั้น ขึ้นอยู่ภายใต้สมมติฐานใน 2 ประเด็นคือ
- “ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด” ที่มีแนวโน้มขึ้นเร็วและแรง
- “ค่าเงินดอลลาร์ผันผวน” โดยดอลลาร์มีการแข็งค่าเร็วมาก ส่งผลให้ราคาทองทำผันผวนไปด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาทองคำโลกปรับตัวลงมาก เคลื่อนไหวมาอยู่แถวๆ แนวรับ 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ขณะที่ราคาทองคำในเมืองไทยราคาปรับตัวลงไม่มากนั้นมาจาก “ค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามาก” ทำให้ราคาทองคำในไทยปรับตัวไม่ลงแรง !
“ณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ” ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold บอกว่า ปัจจุบันทองคำ “โดนกดดัน” จากทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ดังนั้น ราคาทองคำจะยังปรับตัวลงต่อ แต่จากมุมมองหลายฝ่ายเริ่มมองว่า ในเดือนพ.ย. 2565 คาดเฟดจะเดินเกมขึ้นดอกเบี้ยแบบ “รุนแรง” รอบสุดท้ายของปีนี้แล้ว เนื่องจากหากขึ้นดอกเบี้ยแรงไปกว่านี้ ! จะเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และทั่วโลกเริ่มถดถอย รวมทั้งการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ที่เดินหน้าแข็งค่าต่อเนื่อง
ดังนั้น มองว่าหากเป็นดังที่ทุกคนคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยรอบสุดท้ายของปีนี้แล้ว ก็จะส่งผลบวกต่อราคาทองคำน่าจะ “ไม่ร่วง” ไปมากกว่านี้แล้ว ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ราคาทองคำตลาดโลกถือว่าปรับตัวลงมามาก หากเทียบกับช่วงที่ขึ้นไปทำจุดนิวไฮของปีนี้ที่ 2,043 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คิดเป็นการลดลงกว่า 10-15% หรือ ลงมากว่า 400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากเป็นทองคำไทย ถือว่าปรับตัวลงไม่มาก โดยยังอยู่ในกรอบ 29,000 บาท เนื่องจากค่าเงินบาทไทยก็เดินหน้าทำจุดนิวโลว์ต่อเนื่อง
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด บอกว่า ทิศทางราคาทองคำในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 65 คาดว่าจะปรับตัวลงอย่าง “จำกัด” แล้ว หลังตลาดซึมซับข่าวคาดการณ์เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบเดือนพ.ย. และธ.ค. อีกครั้งละ 0.75%
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ตลาดยังต้อง “จับตา” มองอย่างใกล้ชิดคือ การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ว่าจะออกมาตามที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว หรือว่าจะมีการเซอร์ไพรส์ตลาด ส่วนประเด็นที่คาดว่าอาจจะส่งผล “บวก” ให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้คือ การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ หากมีการพลิกผันอาจจะส่งผลกระทบต่อนโยบายหรือมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลทำได้ยากขึ้น ดังนั้น อาจจะส่งผลให้ดอลลาร์ถูกเทขายออกมาทำกำไรได้
รวมทั้งจับตาประเด็นความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน หากมีการใช้อาวุธหนักเข้ามาโจมตี ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น อาจจะส่งผลให้ทองคำกลายเป็นแหล่งพักเงินของนักลงทุนที่ดี
“นโยบายเฟดในการปรับขึ้นดอกเบี้ยยังเป็นปัจจัยสำคัญกดดันราคาทองคำจะไปในทิศทางขึ้นหรือลง แต่อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำไม่หลุดแนวรับ 1,614 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คาดว่าทองคำจะขึ้นไปอยู่ในกรอบ 1,735-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แต่หากหลุดแนวรับ 1,614 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำมีโอกาสลงไปแตะ 1,566 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์