เปิดวิธีจัดการบัญชีเงินฝากกรณีเจ้าของบัญชีเสียชีวิต

เปิดวิธีจัดการบัญชีเงินฝากกรณีเจ้าของบัญชีเสียชีวิต

เมื่อเจ้าของบัญชีเงินฝากเสียชีวิต ทายาทหรือผู้มีสิทธิในการรับมรดกจะมีสิทธิในการติดต่อกับธนาคารเพื่อจัดการบัญชีเงินฝากของผู้เสียชีวิตได้ทั้งการถอนเงิน หรือปิดบัญชีเงินฝากนั้นได้ แต่ยังมีรายละเอียดที่ควรรู้ วันนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)มีคำแนะนำมาฝาก

เมื่อเจ้าของบัญชีเงินฝากเสียชีวิต ทายาทหรือผู้มีสิทธิในการรับมรดกจะมีสิทธิในการติดต่อกับธนาคารเพื่อจัดการบัญชีเงินฝากของผู้เสียชีวิตได้ทั้งการถอนเงิน หรือปิดบัญชีเงินฝากนั้นได้

แต่ในการดำเนินการเพื่อจัดการบัญชีเงินฝากของผู้เสียชีวิต ก็ยังมีรายละเอียดของทายาทที่สามารถติดต่อดำเนินการ และเตรียมเอกสารที่ต้องเตรียมยื่นกับธนาคารให้พร้อมก่อน 

บทความนี้มาดูกันว่าใครบ้างที่สามารถขอจัดการบัญชีเงินฝากของผู้เสียชีวิตได้ และมีเอกสารอะไรบ้างที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนเข้าไปดำเนินการกับธนาคาร เพื่อให้การจัดการมรดกทำได้อย่างราบรื่น

การจัดการบัญชีเงินฝาก กรณีเจ้าของบัญชีเสียชีวิต

เงินฝากในบัญชีธนาคารของผู้เสียชีวิต เป็นหนึ่งในทรัพย์มรดกที่สามารถส่งต่อให้กับทายาทได้

โดยทรัพย์มรดก หรือทรัพย์สินทุกชนิดของผู้เสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ กองทุนรวม หุ้น เงินฝากในบัญชีธนาคาร รวมไปถึงหน้าที่และความรับผิดชอบต่างๆ จะตกเป็นของทายาทหรือผู้มีสิทธิในการรับมรดก เมื่อเจ้าของมรดกได้เสียชีวิตลงทันที

สำหรับการจัดการบัญชีเงินฝากของผู้เสียชีวิตนั้น ผู้มีสิทธิในการรับมรดกจะสามารถติดต่อกับทางธนาคารเพื่อ ถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝาก ปิดบัญชีเงินฝาก หรือยกบัญชีเงินฝากนั้นเป็นของตนได้ 

ใครบ้างที่มีสิทธิในการจัดการบัญชีเงินฝากของผู้เสียชีวิต

ผู้ที่จะสามารถติดต่อเพื่อจัดการบัญชีเงินฝากของผู้เสียชีวิตกับทางธนาคารได้ จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

ทายาทโดยธรรม หรือผู้มีสิทธิในการรับมรดกตามกฎหมายที่เป็นญาติร่วมสายเลือดเดียวกัน รวมถึงคู่สมรสด้วย แบ่งออกตามลำดับคือ

คู่สมรส และผู้สืบสันดาน เช่น ลูก หลาน เหลน ของผู้เสียชีวิต

บิดา มารดา ของผู้เสียชีวิต

พี่น้อง ร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้เสียชีวิต

พี่น้อง ร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกันกับผู้เสียชีวิต

ปู่ ย่า ตา ยาย ของผู้เสียชีวิต

ลุง ป้า น้า อา ของผู้เสียชีวิต

ทายาทโดยพินัยกรรม หรือผู้มีสิทธิในการรับมรดก ตามที่ผู้เสียชีวิตได้ระบุชื่อผู้รับพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ ซึ่งพินัยกรรมที่ใช้อ้างสิทธิในการรับมรดกจะต้องมีผลถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมายเท่านั้น โดยมีทั้งหมด 5 รูปแบบ คือ

พินัยกรรมแบบธรรมดา ทำเป็นหนังสือแจกแจงรายละเอียด ที่จะใช้การเขียนหรือพิมพ์ก็ได้และลงวันที่ชัดเจน โดยจะต้องลงลายมือชื่อต่อหน้าพยาน 2 คนพร้อมกัน และพยานต้องลงลายมือชื่อรับรองการทำด้วย

พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ เป็นพินัยกรรมที่ผู้ทำพินัยกรรมได้เขียนขึ้นด้วยลายมือทั้งฉบับ โดยลงวันที่และลายมือชื่อเอาไว้ด้วย ซึ่งจะมีหรือไม่มีพยานรับรองก็ได้

พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง เป็นการไปทำพินัยกรรมที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยต้องไปทำที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอ พร้อมพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน

พินัยกรรมแบบเอกสารลับ เป็นพินัยกรรมที่ใช้การเขียนหรือพิมพ์ก็ได้ พร้อมลงลายมือชื่อ จากนั้นใส่ซองปิดผนึกแล้วลงลายมือชื่อกำกับในจุดที่ปิดผนึก จากนั้นนำไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอ พร้อมพยานอย่างน้อย 2 คน เพื่อให้เจ้าหน้าที่จดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรม ลงวันที่ ประทับตรา พร้อมลงลายมือชื่อ

พินัยกรรมแบบทำด้วยวาจา เป็นพินัยกรรมที่ทำขึ้นในกรณีที่ผู้ทำพินัยกรรมอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำพินัยกรรมแบบอื่นที่กล่าวมาได้ เช่น อยู่ในสถานที่อันตราย อยู่ในภาวะสงคราม เป็นต้น โดยผู้ทำพินัยกรรมจะกล่าวเป็นคำพูดต่อหน้าพยาน 2 คนพร้อมกัน จากนั้นพยานต้องไปติดต่อที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอให้เร็วที่สุด เพื่อบันทึกข้อมูล ลงวันที่ ระบุสถานที่ที่ทำพินัยกรรม

เอกสารที่ต้องใช้ในการจัดการบัญชีเงินฝากของผู้เสียชีวิต

การติดต่อเพื่อจัดการบัญชีเงินฝากของผู้เสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงินออกจากบัญชี หรือปิดบัญชีเงินฝาก 

ทายาทที่มีสิทธิในการจัดการทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต สามารถติดต่อกับธนาคารตามสาขาบนสมุดคู่ฝากของเจ้าของบัญชี โดยเอกสารที่ต้องเตรียมไปด้วย ได้แก่

หนังสือแต่งตั้งผู้จัดการมรดกจากศาล และหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด

สำเนาบัตรประชาชนของผู้จัดการมรดก

สมุดคู่ฝากของผู้เสียชีวิต

ใบมรณะบัตร

สำหรับทายาทไม่มีสมุดคู่เงินฝาก และไม่ทราบเลขบัญชีเงินฝาก จะต้องใช้จดหมายแจ้งตรวจสอบข้อมูลบัญชีของเจ้าของบัญชีร่วมด้วย เพื่อให้ทางธนาคารค้นหาเลขบัญชีพร้อมสาขาที่เปิดบัญชีเอาไว้