How to invest in “China Modernisation

ตลาดหุ้นจีนน่าจะเป็นตลาดที่สร้างความน่าผิดหวังให้กับนักลงทุนมากที่สุดในปีนี้ ผลตอบแทนของดัชนี MSCI China นับตั้งแต่ต้นปี -42.3% และถ้านับการปรับตัวลงจากจุดสูงสุดที่ทำไว้เมื่อเดือนก.พ.ปีที่แล้วจะติดลบถึง -61.12% (ข้อมูล  Bloomberg ณ วันที่ 31 ต.ค.65)  

ซึ่งผมเชื่อว่านักลงทุนทราบดีว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับตัวลงของตลาดหุ้นจีนในตลอดช่วงที่ผ่านมาเกิดจาก 1.การเข้ามาควบคุมของรัฐบาลจีนในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 2.ความขัดแย้งกับสหรัฐฯ 3.นโยบาย Zero Covid และ 4.ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนที่เติบโตในอัตราที่ต่ำ

โดย IMF (ที่มา IMF Regional Economic Outlook Report for Asia and Pacific) คาดการณ์การเติบโตในปีนี้ที่ 3.2% เป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำเป็นอันดับสองนับตั้งแต่ปี 1977 และยังคาดว่าการฟื้นตัวนั้นยังคงมีความท้าทายจากนโยบายด้านโควิดและปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์

นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตามองการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ซึ่งผลออกมานั้นกลับสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนต่างชาติอย่างมากโดยเฉพาะประเด็นด้านเศรษฐกิจและนโยบาย Zero Covid ที่ไม่ได้มีการพูดถึงในเชิงผ่อนคลายอย่างที่คาดการณ์และ

รวมไปถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการถาวรของกรมการเมือง (Politburo Standing Committee) ชุดใหม่ที่นักวิชาการต่างเห็นพ้องไปในทางเดียวกันว่าเป็นการเพิ่มอำนาจให้กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เนื่องจากคณะกรรมการที่แต่งตั้งเข้ามาใหม่ทั้ง 4 ท่านนั้นล้วนแต่เป็นอดีตลูกน้องที่เคยทำงานร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมาก่อน

       

ทำให้อาจขาดการถ่วงดุลอำนาจแต่ในอีกด้านประชาชนจีนกลับมองว่าจะทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองลดลงและเกิดการปฏิรูปและการตัดสินใจเชิงนโยบายได้ดีกว่า ทั้งนี้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ในอีก 5 ปีข้างหน้าที่เรียกว่า “Chinese Modernisation” ซึ่งไม่ได้มีรายละเอียดที่ชัดเจนแต่เป็นที่คาดว่าจะยังเน้นแนวทาง Common prosperity เช่นเดิมซึ่งจะแตกต่างจากโลกทุนนิยมในแบบตะวันตก

โดยจะลดความเหลื่อมล้ำในประเทศลงและยังคงต้องการยกระดับของประชาชนให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้นอย่างเท่าเทียมอย่างยั่งยืน ซึ่งภายหลังการประชุมครั้งนี้ตลาดหุ้นจีนโดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่และหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (Chinese ADR) ปรับตัวลงมากกว่า 6% ปริมาณเม็ดเงินที่ไหลออกผ่าน North bound Stock connect ที่สะท้อน Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาตินั้นไหลออกสูงสุดในรอบปี (ที่มา Mr. Richard Tang, CFA, Bank of Julius Baer Hong Kong)

      นักวิเคราะห์ของจูเลียส์แบร์ยังประเมินว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นจีนยังผันผวน ทำให้เรายังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน โดยคาดว่าในระยะข้างหน้าว่าดัชนีตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่หรือ A-Share จะ Outperform ตลาดหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงหรือ H-Share  เนื่องจากตลาด A-Share จะมีการเติบโตที่ดีกว่า (ที่มา Mr. Richard Tang, CFA, Bank of Julius Baer Hong Kong)

      แต่อย่างไรก็ตามเราคาดว่าดัชนีหุ้นจีนในภาพรวมจะเคลื่อนไหวในกรอบกว้าง (Fat and Flat trading range) นักลงทุนควรเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมหรือหุ้น (Alpha over Beta) ดังนี้ 1. กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของภาครัฐฯทั่วโลกไม่เพียงแค่ประเทศจีน นั่นคือนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ที่มีนโยบายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยใช้พลังงานสะอาด (China’s Green ambition) เนื่องจากปัจจุบันจีนครองสัดส่วนการผลิตแผงโซล่าเซลล์เกือบ 90% ของทั้งโลก และครองสัดส่วนการผลิตแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถไฟฟ้าทั่วโลกถึง 76% 

      อย่างไรก็ตามแม้หุ้นกลุ่มนี้เองก็ปรับตัวลดลงเช่นกันในช่วงที่ผ่านมาตามภาวะของตลาดหุ้นจีนและทั่วโลกเรายังคงมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในระยะยาว (ที่มา Julius Baer Research Focus on Cleaner China Making China’s Green Ambition a Reality วันที่ 12 ต.ค. 2565) 2. กลุ่มบริษัทในประเทศที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศ 3.กลุ่ม Smart manufacturing ที่ทางการจีนต้องการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยไม่พึ่งพาต่างประเทศ

      ทั้งนี้ประเด็นที่น่าจับตามองในช่วงหลังจากนี้คือ 1.การประกาศงบการเงินไตรมาส 3 ของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีนที่จะทยอยประกาศในช่วงกลางเดือนพ.ย.ซึ่งนักวิเคราะห์ยังคาดถึงผลกระทบจากมาตรการ Zero Covid ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา และ 2. ประเด็นด้านนโยบาย Zero Covid ที่สร้างความผิดหวังในช่วงที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังลงไปมากทำให้มีโอกาสกลับมาเป็น positive surprise ได้อีกครั้ง

      3.ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์แม้ว่ารัฐบาลพยายามออกมาตรการแก้ไขปัญหาแต่สถานการณ์นั้นยังไม่ดีขึ้นทำให้ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นให้กับทั้งผู้บริโภคและนักลงทุนได้ ทั้งนี้การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ที่สนใจจะลงทุนควรติดต่อเพื่อสอบถามและรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่านเพื่อศึกษารายละเอียดและเฟ้นหาการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน