กองทุนเบรกลุยเวียดนาม รอเคลียร์ปม‘ดับบลิวเอฟอี’

กองทุนเบรกลุยเวียดนาม  รอเคลียร์ปม‘ดับบลิวเอฟอี’

ตลาดหุ้นเวียดนามป่วนหนัก ดัชนีวูบกว่า 4% สารพัดปัจจัยลบรุมเร้า ทั้งปัญหาสภาพคล่องในภาคอสังหาฯ ทั้งยังเจอกระแสข่าวถูกถอดจากสมาชิก WFE ทำกองทุนไทยต้องชะลอลงทุน รอเคลียร์ความชัดเจน 

ตลาดหุ้นเวียดนามร่วงลงอย่างหนักอีกครั้งในวานนี้(10พ.ย.) หลังจากนักลงทุนกังวลปัญหาสภาพคล่องในภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ กองทุนไทย เริ่มไม่มั่นใจต่อการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Stock Exchange: HOSE) อยู่ๆ ก็ไม่มีรายชื่อในการเป็นสมาชิกสหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (World Federation of Exchange หรือ WFE

ทั้งนี้ตามกฎเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กำหนดให้การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศสามารถลงทุนได้เฉพาะตลาดหุ้นที่เป็นสมาชิก WFE เท่านั้น การที่อยู่ๆ ตลาดหุ้นโฮจิมินห์ ไม่ปรากฎว่าเป็นสมาชิกของ WFE จึงทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ต่างๆ ของไทยต้องตัดสินใจชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามเอาไว้ก่อน

แหล่งข่าวจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กล่าวกับ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ว่า หลังมีกระแสข่าวว่าตลาดหุ้นโฮจิมินห์ถูกถอดออกจาก WFE ทำให้หลายๆ บลจ. ที่เข้าไปลงทุนในเวียดนามต้องเร่งเช็กข้อมูลว่าเกิดจากสาเหตุใด เบื้องต้นยอมรับว่ายังไม่มีข้อมูลส่วนนี้ที่ชัดเจน แต่ก็ได้เช็กไปยังพาร์ทเนอร์ที่อยู่ในเวียดนามเพื่อขอข้อมูลที่ชัดเจน

"ตอนนี้หลายคนเริ่มกังวล เพราะอาจเข้าไปที่เวปไซด์ของ WFE และไม่พบโลโก้ของตลาดหุ้นโฮจิมินห์จึงเกิดข้อสงสัยว่า ถูกถอดออกไปจริงหรือไม่ ซึ่งพาร์ทเนอร์ที่เวียดนามชี้แจงว่า สาเหตุที่ไม่พบโลโก้ใน WFE ไม่ได้เป็นเพราะโดนถอดออกเพราะไม่มีคุณสมบัติ แต่เป็นเพียงปัญหาทางเทคนิคัล(technical issue)"

แหล่งข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตลาดโฮจิมินห์กับตลาดฮานอย แยกออกจากกัน แต่หลังจากนี้จะทำการปรับโครงสร้างใหม่เป็นโฮลดิ้ง หรือเป็น เวียดนามสต็อกเอ็กเชนจ์ คือ เป็นการเอาทั้ง 2 ตลาดไว้ที่เดียว เปรียบเทียบเหมือนกับตลาดหุ้นบ้านเราทุกวันนี้ ที่มี SET เป็นตลาดหลัก และอีกตลาด คือ mai เรื่องนี้จึงเป็นปัญหาทางเทคนิคอล ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่สู่ บริษัท โฮลดิ้ง และหลังจากนั้นก็จะนำกลับเข้ามาใน WFE อีกครั้ง

ทั้งนี้หลาย ๆ บลจ.ที่มีกองทุนเวียดนามต่างเร่งให้พาร์ทเนอร์ในเวียดนามไปขอให้ ตลาดหลักทรัพย์เวียดนามออกหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน 

อย่างไรก็ตาม อยากให้ตั้งข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่า หากเป็นเรื่องใหญ่อย่างนั้นจริงๆ คิดว่า ตลาดหุ้นเวียดนามน่าจะเกิดแพนิคมากว่านี้ แต่เท่าที่ดู ณ ปัจจุบันก็ยังไม่ได้มีรีแอกชั่นอะไรมาก

“ก่อนหน้านี้ตลาดโฮจิมินห์อยู่ใน WFE อยู่แล้ว และการที่ถอดออกมาก็ไม่ทราบว่า ต้นตอใครเป็นคนที่เห็นว่า ไม่มีอยู่ เพราะไม่มีหนังสือแจ้งเข้ามา ขณะที่ในเวปไซด์ WFE ก็ไม่ได้มีการประกาศถอดดัชนี ตลาดโฮจิมิน กับตลาดฮานอย แต่แค่โลโก้หายไป ก็ทำให้คนตีความว่า ไม่ได้อยู่ในนี้แล้วซึ่งไม่รู้ว่าเกิดความผิดพลาดอย่างไรเราจึงได้ขอให้พาร์ทเนอร์ที่เวียดนามไปบอกตลาดหลักทรัพย์ที่เวียดนามต้องมีหนังสือแถลงการณ์ออกมาทางการ ไม่เช่นนั้นฝั่งประเทศไทยที่เข้าไปลงทุนจะติดเงื่อนไขไม่สามารถลงทุนได้โดยเฉพาะกองทุนที่เข้าไปลงทุนในอีทีเอฟ”

สำหรับผลกระทบต่อผู้ลงทุนนั้น ขณะนี้ยังไม่มี โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือ NAV ยังคงขึ้นลงตามราคาหุ้นอยู่ซึ่งช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า ตลาดหุ้นเวียดนามก็ปรับตัวลงมาสักระยะหนึ่งแล้ว แม้จะมีข่าวเรื่อง WFE ออกมาก็ยังไม่ได้มีนัยยะว่า ตลาดเวียดนามจะปรับลงต่อ และคาดว่าไม่ใช่ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบมากนัก

บลจ. ยังรอความชัดเจนจากทุกฝ่าย

แหล่งข่าวจาก บลจ. อีกราย กล่าวว่า กระแสข่าวตลาดหุ้นโฮจิมินห์ ถูกถอดจาก WFE ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานี้ ถือเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมทำให้หุ้น VNI ร่วงราว 4% ต่อวัน ถือว่าค่อนข้างรุนแรง ท่ามกลางข่าวร้ายก่อนหน้านี้ที่เกิดประเด็นความไม่โปร่งใส่ขึ้น และมองว่าหากนักลงทุนรายย่อยตื่นตระหนกเทขายหุ้นจะยิ่งกดดันร่วงต่อได้

อย่างไรก็ตามกระแสข่าวดังกล่าว ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่สื่อกระแสหลักในต่างประเทศ เช่น บลูมเบิร์ก ก็ยังไม่มีรายงานเรื่องนี้ออกมา ท่ามกลางข่าวลือและข้อมูลที่ยังไม่สามารถหาข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น ทำให้ บลจ. ที่มีการกองทุนหุ้นเวียดนาม ต้องการความชัดเจนในเรื่องนี้ และที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับทาง ก.ล.ต. ไปแล้ว เพื่อให้เกิดความชัดเจน

แหล่งข่าวกล่าวว่า ทางการสำนักงานก.ล.ต. ควรทำหนังสือไปทาง WFE ว่าประเด็นดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร ตลาดหุ้นโฮจิมินห์ยังเป็นสมาชิก WFE  หรือไม่ เมื่อได้ความชัดเจนจาก WFE แล้ว หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับทางก.ล.ต.ว่าจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป เพื่อให้ผู้จัดการกองทุน ยังสามารถพิจารณาการลงทุนเพิ่มเติม ได้อย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อผูู้ถือหน่วย

แนะลงทุนด้วยความระมัดระวัง

แหล่งข่าว บลจ. กล่าวต่อว่า ในช่วง 2 วันมานี้ ก.ล.ต.จับตาข้อเท็จจริงดังกล่าว และได้สอบถามผู้จัดการกองทุนเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามว่าเป็นอย่างไร มีลงทุนโดยตรงหรือไม่และได้รับผลกระทบส่วนใดบ้าง

ทั้งนี้ หากตลาดหุ้นโฮจิมินห์หลุดออกจากการเป็นสมาชิกของ WFE จริง กองทุนที่ไปลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นเวียดนามคงได้รับผลกระทบบ้าง ขึ้นกับว่าก.ล.ต.จะมีนโยบายอย่างไร แต่สำหรับกองทุนที่ไปลงทุนผ่านหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของ IOSCO (International Organization of Securities Commissions) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูของ ก.ล.ต. สหรัฐ กรณีเหล่านี้ยังสามารถลงทุนได้อยู่ 

แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า ท่ามกลางกระแสข่าวลือดังกล่าว ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนเกิดขึ้น  แนะนำว่าผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในลงทุนการตัดสินใจ หรือรอจนว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้ ไม่ควรตื่นตระหนกไปก่อน 

แหล่งข่าวในวงการ บลจ. อีกราย กล่าวว่า ตามหลักเกณฑ์การลงทุนของก.ล.ต. หากเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่ขาดคุณสมบัติ จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา ภายใน 90 วันโดยขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนได้นั้น

สำหรับผู้จัดการกองทุนที่พิจารณาแล้วยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหน่วยก็ยังสามารถไม่มีความจำเป็นต้องขายออก หรือปิดกองทุน หรือในส่วนการลงทุนผ่านกองทุน ETF น่าจะได้รับผลกระทบคงมีการทยอยปรับพอร์ต เป็นระยะๆ ตามข่าวลบที่เกิดขึ้น

ด้าน นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย ในฐานะนายก สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) กล่าวว่า ขณะนี้ สมาคมฯ ยังไม่สามารถตอบอะไรได้ โดยในเรื่องนี้ยังต้องความชัดเจนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก่อน

นางสาว ชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาคนไทยนิยมไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามกันมากขึ้นสาเหตุเพราะเศรษฐกิจที่เติบโตดี ประชากรมีจำนวนมาก ค่าแรงไม่แพง และมีการลงทุนโดยตรง(เอฟดีไอ) จากผู้ลงทุนจำนวนมากด้วย

ทั้งนี้ปัจจุบัน กองทุนหุ้นเวียดนามมีรวมทั้งสิ้น 34 กองทุน คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 28,000 ล้านบาท

‘นิเวศน์’มองหุ้นเวียดนามลงต่ออีกระยะ

นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุน VI กล่าวถึงกรณีที่ตลาดหุ้นเวียดนามถูกเทขายอย่างต่อเนื่องว่า สาเหตุหลักเกิดจากการโกงกันในตลาดหุ้น โดยมีการทำผิดกฎเกณฑ์ เอาเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวพันกับบริษัทในตลาด ทำให้นักลงทุนกลัวว่า บริษัทจะล่ม 

ขณะเดียวกัน ยังเกี่ยวกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ด้วย ซึ่งบริษัทเหล่านี้ก็มีขนาดใหญ่ และยังสภาพคล่องแย่ลง ซึ่งมาจากเรื่องของเม็ดเงินและเรื่องขึ้นดอกเบี้ยก็เป็นปัจจัยผสมผสานกัน ทำให้นักลงทุนกังวลว่า ตลาดหุ้นจะพัง จึงขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง อีกส่วนหนึ่งยังมีเรื่องของการใช้มาร์จินด้วย และเป็นรายย่อยมาก ทำให้ตลาดเซ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยในระดับโลก คือ เรื่องของปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งก็ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลง มีเพียงแค่ตลาดหุ้นไทยเท่านั้น ที่ยังดีอยู่ อย่างไรก็ดี ตนมองว่า ตลาดหุ้นเวียดนาม น่าจะลงต่อไปอีกซักพัก แต่ไม่มาก ฉะนั้น ถ้ามีการฟื้นตัว ก็จะฟื้นตัวแรง