บลจ.ชะลอลงทุน-ออกกองใหม่ รอ ก.ล.ต.คลอดแผนหุ้นเวียดนาม
สืบเนื่องจากระแสข่าวตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (Chi Minh Stock Exchange : HOSE) ถูกถอดจาก World Federation of Exchanges (WFE) สัปดาห์ที่ผ่านมาอาจกระทบทั้ง กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ที่มีนโยบายการลงทุนดังกล่าวสืบเนื่อง
อาจกระทบสินทรัพย์ลงทุนทั้งกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ(DR) ที่มีนโยบายการลงทุนดังกล่าว
โดยมีผู้ออกเป็นบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ในประเทศ เข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นั้น
บล.บัวหลวง ยัน DR ไร้กระทบ
กรณีดังกล่าวที่อาจส่งผลต่อตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) E1VFVN3001 และ FUEVFVND01 ที่หลักทรัพย์บัวหลวงเป็นผู้ออกนั้น เฟชบุ๊ก Bualuang Securities ชี้แจงโดยระบุถึง ตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ได้ออกหนังสือทางการชี้แจงแล้วว่า ตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ถูกตั้งขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งของตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์และตลาดหลักทรัพย์ฮานอย ได้อยู่ระหว่างเตรียมถ่ายโอนการเป็นสมาชิกของ WFE จากตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์มายังตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม
ปัจจุบัน E1VFVN3001 และ FUEVFVND ซึ่งเป็นหลักทรัพย์อ้างอิงของ DR ถูกจดทะเบียนในตลาดโฮจิมินห์ (เป็นสมาชิก WFE)
แต่เพราะตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์และตลาดหลักทรัพย์ฮานอย กำลังถูกรวมในบริษัทโฮลดิ้งเดียวกัน คือตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ซึ่งตอนนี้ชื่อตลาดโฮจิมินห์ จึงไม่อยู่ในรายชื่อสมาชิก WFE เพราะจะโอนสิทธิ์สมาชิกมาที่Vietnam Exchange
ทั้งนี้ มองว่าเป็นประเด็นทางเทคนิค (technical issue) ไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของ DR และยังลงทุน DR E1VFVN3001 และ FUEVFVND01 ได้ปกติ
“บลจ.บัวหลวง”ยันถือระยะยาว
ส่วนกรณีนี้จะส่งผลกระทบกองทุนต่างๆ ที่จะถูกบังคับให้ขายทิ้งหรือไม่นั้น บลจ.ต่างๆ ให้คำชี้แจงเกี่ยวกับผลกระทบดังกล่าวต่อ “กองทุนหุ้นเวียดนาม” ส่วนใหญ่ผลกระทบยังจำกัด พร้อมให้คำแนะนำและมุมมองการลงทุนภายใต้สถานการณ์นี้
ผู้จัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง ระบุว่า หลังจากตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ออกหนังสือชี้และมีความเห็นเป็นเพียงประเด็นทางเทคนิค ไม่น่ามีผลต่อกองทุนเพราะตลาดหุ้นเวียดนามยังอยู่ใน WFE แต่ขอให้รอความชัดเจนจากก.ล.ต.ที่กำลังหารือกับสมาคมฯ พร้อมยืนยันว่าผู้ถือหน่วยจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะ ก.ล.ต.ไม่มีคำสั่งบังคับขายและกองทุนยังถืออยู่
สำหรับคำแนะนำผู้ลงทุนหากรับความเสี่ยงสูงได้ ยังทยอยซื้อแบบ DCA ต่อได้ เพราะระยะยาวแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตดีและดอลลาร์เริ่มกลับขาอ่อนตัวลง แต่ต้องจับตามตลาดบอนด์เวียดนาม
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า บลจ.บัวหลวง มีกองทุนลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเวียดนาม (B-VIETNAM) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเวียดนามเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-VIETNAMRMF) มูลค่า 4 พันล้านบาท ซึ่งยังคงถือกองทุนนี้ระยะยาวแต่เพิ่มเงินสดมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง
“การที่ตลาดหุ้นโฮจิมินห์ถูกถอดออกจาก WFC อาจมาจากปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจและโครงสร้างตลาดหุ้นยังไม่แข็งแรง และอยู่ช่วงเติบโตที่เทียบได้กับตลาดหุ้นไทยปี2540 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว และส่วนหนึ่งอาจมีการปั่นหุ้นในตลาด แต่ยังเป็นตลาดหุ้นที่มีโอกาสเติบโต ซึ่งเป็น Frontier Market หรือตลาดหุ้นชายขอบที่นักลงทุนอาจไม่คุ้นเคยแต่เต็มไปด้วยศักยภาพและความน่าสนใจลงทุน”
“บลจ.กสิกรไทย”ชะลอลงทุน ETF
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิตรองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ. กสิกรไทย กล่าวว่า ผลกระทบค่อนข้างจำกัดเพราะกองทุนมีลงทุนใน ETF ที่จดทะเบียนใน HOSE เพียง 10% ของพอร์ตลงทุนเท่านั้น โดยเน้น ETF ที่เข้าถึงหุ้นที่มี Foreign Ownership Limit และเพื่อบริหารสภาพคล่องกองทุน
ทั้งนี้กองทุนอาจได้รับผลกระทบทางอ้อมหากกองทุนอื่นจำเป็นต้องขายการถือครอง ETF ออกมา ซึ่งจะกดดันราคาหุ้นของหุ้นใน ETF ได้ โดยทีมจัดการการลงทุนจะชะลอการลงทุนใน ETF ไปจนกว่าจะมีความชัดเจนถึงแนวทางจากก.ล.ต.และที่เกี่ยวข้อง
ด้านมุมมองและคำแนะนำการลงทุนระยะกลางถึงยาว (1 ปี ขึ้นไป) ทีมผู้จัดการกองทุน ยังคงมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นเวียดนาม โดยหากดูจากปัจจัยภายในประเทศเวียดนามมีความน่าสนใจ ทั้งในแง่เศรษฐกิจที่ GDP ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง รวมถึง FDI และการส่งออก,กำไรบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ในระดับสูง (คาดการณ์ปีหน้าที่18.7%)
อีกทั้งมีปัจจัยสนับสนุนการลงทุนระยะยาวจากประชากรวัยแรงงานมีสัดส่วนสูงสุดในอาเซียนที่เอื้อเศรษฐกิจขยายและเวียดนามได้อานิสงส์จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนทำให้บริษัทข้ามชาติหลายแห่งกระจายลงทุนออกจากจีน และความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก ตลอดจนสถานการณ์ช่องแคบไต้หวัน ทำให้อาเซียนที่ค่อนข้างเป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์จะได้รับประโยชน์
ทั้งนี้ตลาดหุ้นเวียดนามยังคงผันผวนจากปัจจัยในประเทศ อละนักลงทุนมีความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางเวียดนาม เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินด่อง และเพื่อรับมือเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้น ส่งผลให้สภาพคล่องระบบการเงินลดลงและกดดันตลาดหุ้น
รวมทั้งการสอบสวนจากภาครัฐในภาคอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ยังดำเนินต่อ โดยมีข่าวที่ภาครัฐดำเนินการกับผู้ทำผิดเป็นระยะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง
นักลงทุนรายย่อยยังคงถูก force sell ในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะหุ้นที่มีภาระหนี้สิ้นสูงและคาดว่าการforce sell คงมีต่อไปในหุ้นอสังหาริมทรัพย์บางแห่ง ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นหุ้นรายตัวมากกว่าเป็นการโดน force sell ทั้งตลาด
“ทิสโก้-ยูโอบี”แนะไม่ต้องรีบลงทุน
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า กรณีลักษณะถูกถอดในกลักษณะถ่ายโอนแบบทางเทคนิค เช่นนี้ ก.ล.ต.จะตีความและมีแนวทางการลงทุนชัดเจนอย่างไรต่อไป น่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น ดังนั้นนักลงทุนไม่จำเป็นต้องรีบลงทุน รอให้ฝุ่นหายตลบและสถานการณ์ดีขึ้นจึงเข้าลงทุนต่อ เพราะเชื่อว่าตลาดหุ้นเวียดนาม และ ETF ยังพลิกกลับมาได้หลังราคาปรับตัวลงถึงจุดพักฐานระยะหนึ่ง
"เช่นเดียวกับเราอาจกลับมาพิจารณาออกกองหุ้นเวียดนามใหม่เพิ่มเติม และขณะที่ผู้ถือหน่วยถืออยู่แล้วยังถือต่อได้และจุดนี้ยังไม่ใช่จุดที่จะขาย บลจ.ทิสโก้ มีเพียง 1 กอง คือกองทุนเปิด ทิสโก้ เวียดนาม อิควิตี้ (TVIETNAM) มูลค่าเพียง 400 ล้านบาท เป็นการลงทุนผ่านกองทุนแม่ต่างประเทศจดทะเบียนในสหรัฐและยุโรป ที่พิจารณาลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามอีกต่อจึงไม่เข้าข่ายผิดเกณฑ์ และกองทุนต่างประเทศลงทุนในเวียดนามที่เลือกไว้ตอนนี้ไม่มีการredeem ขายหน่วยออกมาก็คงลงทุนต่อ
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน และเรายังรอดูความชัดเจน โดยเฉพาะแนวทางของ ก.ล.ต. ดังนั้นหากนักลงทุนที่เคย DCA หากเชื่อว่าเศรษฐกิจเวียดนามยังเติบโตดีระยะยาวก็ทำ DCA ได้แต่อาจลดจำนวนลงเพื่อลดความเสี่ยงช่วงที่ยังไม่ชัดเจน
"ก่อนหน้านี้ไม่แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นเวียดนามแต่อย่างใด ทำให้นักลงทุนไม่ได้สอบถามประเด็นดังกล่าว”
“จิตตะเวลธ์” แจงไม่กระทบ
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.จิตตะ เวลธ์ จำกัด (บลจ.) กล่าวว่า กรณีตลาดหุ้นโฮจิมินห์อาจถูกถอนออกจากสมาชิกสหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ หรือ WFE จนทำให้กองทุนหลายแห่งเข้าไปลงทุนในETF ไม่ได้ โดย บลจ.จิตตะ เวลธ์ ไม่ได้รับผลกระทบเพราะกองทุนส่วนบุคคลของบริษัททั้ง Jitta Ranking Vietnam และ Thematic หุ้นเวียดนามไม่เข้าข่ายกองทุนรวมที่ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ กลต.และไม่กระทบแม้ตลาด HOSE จะถูกถอดออกจาก WFE
“การที่ HOSE ถูกถอดออกจาก WFE เป็นเรื่องทางเทคนิค หากทั้ง 2 ตลาดควบรวมเสร็จก็จะกลับเป็นสมาชิกWFE”
ทั้งนี้การปรับลดลงของตลาดหุ้นเวียดนามที่ลงมาทำสถิติต่ำสุดในรอบปีอีกครั้ง ไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐานแย่ลง แต่มาจากข่าวลือและการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งระยะยาวมองว่าตลาดหุ้นเวียดนามมีโอกาสเติบโตตามเศรษฐกิจเวียดนามแต่การปรับลดลงของตลาดช่วงนี้เป็นโอกาสสะสมหุ้นดีราคาถูก ซึ่งนักลงทุนใช้โอกาสนี้ปรับกลยุทธ์ลงทุนให้เหมาะสมเพื่อรับโอกาสการเติบโตในอนาคตได้
“การเพิ่มทุนเพื่อเฉลี่ยต้นทุนในพอร์ตช่วยเพิ่มโอกาสที่คุณจะได้ซื้อหุ้นราคาต่ำลงได้ และทยอยลงทุนหลายครั้งช่วงตลาดหุ้นผันผวน ด้วยการแบ่งเงินลงทุนเป็นหลายก้อนแล้วลงทุนตามช่วงที่ต้องการเป็นการช่วยเฉลี่ยต้นทุน และไม่พลาดโอกาสสะสมหุ้นช่วงขาลง”