เคแบงก์ไพรเวทแบงกิ้ง ปั้น AUM ปีหน้าโต 5% รุกบริหารสินทรัพย์ครอบครัว
เคแบงก์ไพรเวทแบงกิ้ง คาดผลงานพลิกบวกปีหน้า พร้อมประเมินสินทรัพย์ภายใต้การบริหารและจำนวนลูกค้า มีโอกาสเติบโต3-5%ปีหน้า จากปีนี้ ‘เอยูเอ็ม’ ลดลงราว 1% ชูสองกลยุทธ์ลงทุนช่วงบอนด์ยิลด์ใกล้แตะจุดสูงสุด แนะลงทุนพันธบัตร-หุ้นที่มีขีดแข่งขันสูง
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธุรกิจไพรเวทแบงกิ้งในปี 2566 แม้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ยังมีโอกาสในการลงทุน
ดังนั้นคาดว่า ผลการดำเนินธุรกิจของเคแบงไพรเวทแบงกิ้งจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ โดยเฉพาะในด้านการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้บริหาร หรือAUM และจำนวนลูกค้าที่คาดว่า มีโอกาสเติบโตได้ 3-5% ในปีหน้า
สำหรับในปีนี้ AUM ลดลง 1% มาอยู่ที่ 8.72 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตีมูลค่าตามราคาตลาด (Mark to Market) ขณะที่ปีนี้ มีฐานลูกค้ารวมอยู่ที่1.3หมื่นคน
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนปีหน้า จะอยู่ภายใต้กลยุทธ์ PIVOT ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ คือ การแตะจุดสูงสุดของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยิลด์) อายุ 10ปีของสหรัฐ ตามการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐต่อเนื่องในปีหน้า และหลังบอนด์ยิลด์ถึงจุดสูงสุดไปแล้ว
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน ก่อนที่บอนด์ยิลด์จะแตะระดับสูงสุด ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ในไตรมาส 1ปี 2566 คือ แนะนำ ลดน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น เน้นการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง เช่น หุ้นบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขัน และกำหนดราคา ทำให้สามารถเป็นผู้ชนะในภาวะเงินเฟ้อสูงได้
แต่ให้กระจายความเสี่ยงผ่านสินทรัพย์ทางเลือก เช่น กองทุน Hedge Fund หรือกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์นอกตลาดที่มีความผันผวนด้านราคาในระยะสั้นต่ำ
อย่างไรก็ตาม หลังจากบอนด์ยิลด์ผ่านจุดสูงสุดแล้ว แนะนำลงทุนบางส่วนใน ทองคำ เนื่องจากดอลลาร์ จะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นอ่อนค่าลง รวมถึงลงทุนในหุ้นกู้เอกชนผลตอบแทนสูง (High Yield) จะกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง และทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น หากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยเพื่อต้านทานภาวะเศรษฐกิจถดถอยชัดเจนขึ้น
“การลงทุนในปี2566 เริ่มมีแสงสว่างตรงปลายอุโมงค์ พันธบัตร และหุ้นจะน่าสนใจมากขึ้น ดังนั้นมองว่าปีหน้า ผลตอบแทนจากการลงทุนผ่านเคแบงไพรเวทแบงกิ้ง บวกแน่นอน 3-5%”
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การลงทุนตามกลยุทธ์ของเคแบงไพรเวทแบงกิ้ง ยังเน้น 4 เสาหลักในปี2566 คือ Risked-based Asset Allocation การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก การลงทุนเพื่อความยั่งยืน และการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ฯลฯ
สำหรับภาพรวมการลงทุนในปี 2565 มีความท้าทายเป็นอย่างสูง จากราคาที่ปรับตัวลงแรงในแทบทุกสินทรัพย์หลัก นับเป็นเพียง 3 ปี ในช่วง30 ปีที่ผ่านมาที่ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ปรับตัวลดลงพร้อมๆ กัน
โดยผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลกและพันธบัตรรัฐบาลโลกนับจากต้นปีปรับตัวลดลงถึง -17.9% และ -16.8% ตามลำดับ** อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ตลาดเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากสัญญาณบวกหลายปัจจัย
ทั้งผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เริ่มอ่อนแอลง และมีแนวโน้มจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาชะลอตัวอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ลดความเร็วการขึ้นอัตราดอกเบี้ย”
“ตลอดปีที่ผ่านมา KBank Private Banking ในฐานะที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ให้ความสำคัญกับการสร้างพอร์ตที่มีความคล่องตัวสูง รองรับสถานการณ์ที่ผันผวน กระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก และยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อความยั่งยืน"
โดยพอร์ตลงทุนที่แนะนำลูกค้าอย่าง K-ALPHA มีการจัดการความเสี่ยง และกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ตั้งแต่สินทรัพย์สภาพคล่อง กองทุนผสมในฐานะพอร์ตหลัก (Core Port) กองทุนรวมหุ้นและ ตราสารหนี้ทั่วโลกตลอดจนสินทรัพย์นอกตลาดอย่างกองทุนหุ้นนอกตลาด ยังคงสามารถรักษาระดับผลตอบแทนอยู่ระหว่าง - 3.8 และ-5.5% นับจากต้นปี
ในขณะที่ผลตอบแทนขาดทุนสูงสุด อยู่ระหว่าง -5.7% และ -8.3% หากเทียบกับการกระจายการลงทุนแบบดั้งเดิม (หุ้น 60: ตราสารหนี้ 40) ให้ผลตอบแทนที่ -14.8% ในขณะที่ผลตอบแทนขาดทุนสูงสุดที่ -23.8% หรือหากเทียบกับการลงทุนในหุ้น หรือตราสารหนี้อย่างเดียวให้ผลตอบแทนที่ -15.0% และ -14.4% ในขณะที่ผลตอบแทนขาดทุนสูงสุดที่ -26.1% และ -21.9%*** ตามลำดับ”
ความสำเร็จที่โดดเด่นในปี 2565 ผ่าน 4 เสาหลักของโซลูชันการบริหารความมั่งคั่งครบวงจร ของ KBank Private Banking ประกอบด้วย
• กองทุน K-ALLROAD Series นวัตกรรมการลงทุนขับเคลื่อนอัตโนมัติ บนหลักการ Risk-based Asset Allocation ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า จากจุดเด่นในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างยืดหยุ่นตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป ทำให้กองทุนมีสมดุลด้านความเสี่ยง
โดยทั้ง 3 กองทุนในซีรีส์นี้สามารถระดุมเงินลงทุนจากลูกค้าไปได้กว่า 5.4 พันล้านบาท
• การนำเสนอนวัตกรรมการลงทุนทางเลือก เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในภาวะผันผวน โดย KBank Private Banking มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และสำหรับ 3 กองทุนที่เสนอขายครั้งแรกในปีนี้ ได้แก่ กองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วโลก (K-GPE22B-UI) กองทุนตราสารหนี้และหุ้นนอกตลาดทั่วโลก (K-GPA22A-UI)
และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยนอกตลาด (ASP-APR-UI(KEX)) โดยทั้ง 3 กองทุนสามารถระดมเงินลงทุนรวมสูงถึง 5 พันล้านบาท*
• การลงทุนเพื่อความยั่งยืน เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยสร้าง “ทางรอด” ให้กับโลกและการเติบโตที่มั่นคงให้กับทั้งธุรกิจและการลงทุนในระยะยาว
ซึ่งกองทุนหลักที่ธนาคารแนะนำอย่างกองทุนเปลี่ยนโลก (K-CHANGE) ยังคงมีผลตอบแทนที่ดี โดยกองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนได้สูงถึง 197% หรือเฉลี่ย 20.07% ต่อปี*
• บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันให้บริการลูกค้า 790 ครอบครัว หรือราว 36% ของลูกค้าทั้งหมด และมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การดูแลครอบคลุมทรัพย์สินครอบครัวทั้งธุรกิจและที่ดินประมาณ1.8 แสนล้านบาท
ในขณะที่บริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการที่ปรึกษาครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์มูลค่ารวม 3.2 แสนล้านบาทนอกจากนี้ ยังมีลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ Land Loan for Investment เพื่อแปลงทรัพย์สินที่ดินมาเป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุน คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 1.8 พันล้านบาท
“การดำเนินธุรกิจ KBank Private Banking ในปี 2565 ให้บริการลูกค้าประมาณ 13,000 ราย สินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมดประมาณ 9 แสนล้านบาท และจากการส่งมอบโซลูชันบริหารความมั่งคั่งที่ครบวงจร ทำให้ธนาคารได้รับ 11 รางวัล จาก 10 สถาบันระดับสากลทั่วโลกการันตี
และตอกย้ำความเป็นผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากล อาทิ รางวัล Best Private Bank ของประเทศไทยจากหลายสถาบันระดับโลก
เช่น เวที The Asset Triple A Private Capital Awards เวที PWM/The Banker Global Private Banking Awards และเวทีGlobal Private Banking Innovation รวมถึง รางวัลด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน Best Bank for Sustainability and ESG leadership จากเวที Private Banker International Global Wealth Awards
ด้วยความมุ่งมั่นในการผลักดันให้นักลงทุน สังคม และประเทศก้าวไปสู่การลงทุนอย่างยั่งยืน พร้อมกับนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงของธนาคารตลอดหลายปีที่ผ่านมา และรางวัลด้านดิจิทัล
เช่น Best Private Banking for Digital Marketing & Communication in Asia จาก PWM Wealth Tech Awards และ Digital Private Banking of the Year – Thailand จาก The Asset Triple A: Digital Awards จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบการทำงาน สนับสนุนการให้บริการลูกค้า รวมถึงใช้เป็นช่องทางสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ”