CHAYO-SAM คาดแบงก์ แห่ขายหนี้เสียทะลักปี66 จ่อซื้อเข้าพอร์ตทะลุหมื่นล้าน
“เอเอ็มซี” คาดปีหน้า หนี้เสียขายทอดตลาดทะลัก ด้าน “ชโย กรุ๊ป” ชี้ครึ่งปีแรก หนี้เสียค้างท่อ-หนี้ใหม่ จ่อขายอีก 5 หมื่นล้านบาท ทั้งปีจ่อทะลัก 2 แสนล้าน ด้าน บสส. แย้มปีหน้าธุรกิจซื้อหนี้เสียคึกคักตั้งเป้าซื้อหนี้เสียบริหารเกินหมื่นล้าน พร้อมตั้งงบลงทุน 6.3 พันล้า
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO กล่าวว่า สำหรับภาพธุรกิจรับซื้อบริหารหนี้เสียปี2565 ที่ผ่านมา บริษัททำได้ตามเป้าหมาย โดยมียอดซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารอยู่ที่ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท ภายใต้งบลงทุนรวมกว่า 2 พันล้านบาท
ส่งผลให้พอร์ตหนี้เสียภายใต้บริหารปัจจุบันโดยรวมอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้ที่มีหลักประกัน 2.1 หมื่นล้านบาท และกว่า 6 หมื่นล้านบาทเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการขายหนี้เสียทอดตลาดปี 2566 คาดว่าจะสูงทุบสถิติ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะไตรมาสแรกปีหน้า ที่จะเห็นแบงก์ และนอนแบงก์ นำหนี้เสียค้างท่อที่มาจากปี 2565 ออกมาขายในไตรมาสนี้สูงถึง 1 หมื่นล้านบาท ที่เป็นหนี้เก่าจากปี 2565 ออกมาประมูลในช่วงต้นปี ซึ่งยังไม่รวมหนี้ใหม่ที่แบงก์ นอนแบงก์จะนำมาขายทอดตลาดในระบบในไตรมาสแรก
นอกจากนี้ ยังมีหนี้เสียที่แบงก์ เตรียมนำออกมาขายทอดตลาดอีก 4 หมื่นล้านบาท ด้วยในไตรมาส 2 รวมถึงครึ่งปีจะมีหนี้เสียที่แบงก์และนอนแบงก์นำออกมาประมูลสูงถึง 5หมื่นล้านบาท
ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าค่อนข้างมาก ดังนั้น คาดว่าทิศทางการขายหนี้เสียปีหน้า น่าจะมากถึงระดับ 2 แสนล้านบาทได้ ซึ่งสูงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
ในส่วนของบริษัทตั้งเป้าเข้าไปรับซื้อหนี้เสียมาบริหารอยู่ที่ 1-1.5 หมื่นล้าบาท ภายใต้งบลงทุนที่เตรียมไว้เบื้องต้นที่ 1-1.5 พันล้านบาท โดยไตรมาสแรกปีหน้าบริษัทเตรียมจะออกบอนด์ เพื่อนำมาเตรียมซื้อหนี้เสียเพิ่มด้วยปีหน้าระดับ 1-1.5 พันล้านบาทเช่นเดียวกัน
“ปีหน้าเราเตรียมงบลงทุนไว้พันกว่าล้านบาท และมีเงินที่จะได้จากการขายที่ดินที่เกาะยาวใหญ่อีก 800 กว่าล้านบาท ที่จะเข้ามาไตรมาสสองปีหน้า ส่วนนี้ก็จะนำมาบุ๊กเป็นรายได้ และสะท้อนผ่านกำไรของบริษัทที่ดีขึ้น ดังนั้นหวังว่าหากภาพทุกอย่างดีขึ้น จะหนุนผลประกอบการโดยรวมของบริษัทให้เติบโตสูงในปี 66 ด้วย ซึ่งหากเราทำได้ดีก็จะหนุนให้เรามีเงินลงทุนเพิ่ม เพื่อนำมาบริหารจัดการซื้อหนี้เสียปีหน้าได้อีก"
นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ( SAM) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจรับซื้อหนี้เสียปี 2565 ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย โดยปีนี้รับซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารตามเป้าหมายแล้วที่ 1 หมื่นล้านบาท
ภายใต้การใช้งบลงทุนที่ราว 5.3 พันล้านบาท ซึ่งใช้งบลงทุนเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 2564 ที่ใช้งบลงทุนราว 2.7 พันล้านบาท เนื่องจากสินเชื่อที่มีหลักประกันปีนี้มากขึ้น
สำหรับพอร์ตหนี้เสียภายใต้บริหาร ปัจจุบันมียอดรวมอยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นหนี้เสียที่มีหลักประกัน 2 แสนล้านบาท ที่เหลือเป็นหนี้เสียที่ไม่มีหลักประกัน
“ปีนี้เห็นแบงก์ นอนแบงก์ ขายหนี้เสียรายย่อย และพอร์ตเอสเอ็มอีรายเล็กๆ ออกมามากขึ้น หากเทียบกับปีที่ผ่านมา เหล่านี้ก็มาจากกลุ่มลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และจากภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้หนี้เสียในระบบเพิ่มสูงขึ้น”
ส่วนปี 2566 ตั้งเป้าซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารอยู่ที่ระดับ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท ภายใต้งบลงทุนรวมเพื่อรองรับการซื้อหนี้เสียเพิ่มขึ้นเป็น 6.3 พันล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะมาจากการออกบอนด์ใหม่ เพื่อนำมารองรับซื้อหนี้เสียราว 2-3 พันล้านบาท
ขณะที่ภาพรวม “คลินิกแก้หนี้” ปัจจุบันมีลูกหนี้เข้าโครงการสะสม ทะลุ1แสนบัญชีแล้ว โดยคิดเป็นบัญชีใหม่ที่เข้ามาปี 2565 ที่ 3 หมื่นบัญชี ซึ่งปรับลดลง หากเทียบกับบัญชีเข้าใหม่ของปีที่ผ่านมา ที่เข้ามาอยู่ที่ 4 หมื่นบัญชี ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการช่วยเหลือทางการเงินของธนาคารและนอนแบงก์ยังช่วยลูกหนี้บางส่วนไม่ให้ตกชั้น