คลังเร่งขยายฐานภาษี - ลดรายจ่ายหวังงบสมดุลใน 10 ปี
คลังเตรียมเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ขยายฐานภาษี และลดรายจ่าย เพื่อให้เป้าหมายทำงบประมาณเข้าสู่จุดสมดุลภายใน 10 ปีข้างหน้า
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ขยายฐานภาษี และลดรายจ่าย เพื่อให้เป้าหมายทำงบประมาณเข้าสู่จุดสมดุลภายใน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งภายใต้โครงสร้างภาษีในปัจจุบัน เรายังสามารถขยายฐานภาษีได้อีก เพราะเรายังไม่ถึงจุดสูงสุด ดังนั้น เราจะต้องพยายามดึงให้คนเข้ามามีส่วนร่วมในการชำระภาษี ให้มากขึ้น รวมถึง การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
ทั้งนี้ ในช่วงที่ประเทศไทยเผชิญกับการแพร่ระบาของโควิด ในปี 2563 และ 2564 จำนวนคนที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและมีภาษีที่ต้องชำระลดลง แต่ในปี 2565 จำนวนผู้ยื่นแบบ และมีภาษีที่ต้องชำระกลับมาเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับปี 2562 หรือก่อนเกิดโควิดแล้ว
สำหรับจำนวนคนที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในปี 2562 มีจำนวน 11.8 ล้านคน แต่มีผู้ที่มีภาระภาษีต้องจ่ายจำนวน 4.02 ล้านคน ,ปี 2563 มีผู้ยื่นแบบ จำนวน 10.6 ล้านคน แต่มีผู้มีภาระภาษีต้องจ่าย 3.95 ล้านคน ,ปี 2564 มีผู้ยื่นแบบ จำนวน 10.3 ล้านคน แต่มีจำนวนผู้มีภาระภาษีต้องจ่าย 4.17 ล้านคน ขณะที่ ปีภาษี 2565 ที่จะต้องมียื่นภาษีตั้งแต่ 1 ม.ค. ถึง 31 มี.ค.2565 นั้น คาดว่า จะมีผู้ยื่นแบบจำนวน 11.3 ล้านคน
เขากล่าวด้วยว่า ภายหลังจากที่เศรษฐกิจไทยสามารถผ่านพ้นช่วงโควิดมาได้ การใช้นโยบายการคลัง จำเป็นต้องกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยต้องลดขนาดการขาดดุล เพื่อเข้าสู่สมดุลภายใน 10 ปีข้างหน้า แต่แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายลดการขาดดุล แต่การทำงบประมาณรายจ่ายยังเป็นแบบขยายตัว เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และการตั้งงบลงทุนในงบประมาณรายจ่ายจะต้องไม่น้อยกว่า 20% ของงบประมาณรายจ่าย เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของเศรษฐกิจไทย
เขากล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 รัฐบาลคาดว่า จะมีรายได้ เกินกว่าเป้าหมายราว 2 แสนล้านบาท ซึ่งรายได้ที่เกินกว่าเป้าหมายนั้น ครึ่งหนึ่งจะมาช่วยลดขนาดการขาดดุล ทำให้การขาดดุลในปีงบประมาณ 2567 ลดลงอยู่ที่ 5.93 แสนล้านบาท เทียบกับการขาดดุลในปีงบประมาณ 2566 ที่ขาดดุลอยู่ที่ 6.95 แสนล้านบาท ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนำมาใช้เพื่อเพิ่มรายจ่ายในงบประมาณปี 2567
สำหรับข้อเสนอของพรรคการเมืองบางพรรค ที่เสนอให้ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยเสนอว่า คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 4 หมื่นบาท/เดือน ไม่ต้องมีภาระภาษี จากปัจจุบันที่คนที่มีรายได้ ต่ำกว่า 2.6 หมื่นบาท/เดือน ไม่ต้องมีภาระภาษีนั้น นายอาคม กล่าวว่า เราจำเป็นต้องไปดูว่า การหาแหล่งรายได้ เพื่อมาใช้จ่ายในโครงการเหล่านั้นจะมาจากแหล่งใดบ้าง ขณะที่ ปัจจุบันรัฐบาลมีรายจ่ายในโครงการต่างๆ จำนวนมาก
นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงกรณีที่ ครม.ได้มีมติ ขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลง 5 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 4 เดือนนั้น กระทรวงการคลัง ได้มีความเห็นว่า กองทุนพลังงานควรนำเนื้อภาษีที่ลดไปให้นั้นไปช่วยลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ที่ปัจจุบันตรึงไว้ไม่ให้เกิน 35 บาท/ลิตร โดย ให้ลดลงอีก 1-2 บาท/ลิตร ซึ่งกองทุนน้ำมันกำลังดูจังหวะ ช่วงที่น้ำมันในตลาดโลกลดลง ทางกองทุนจะนำเนื้อภาษีมาช่วยลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์