บลจ.บัวหลวง รุกกองอินฟราฯ-รีท หวังดัน AUM โตแตะ 1ล้านล้าน

บลจ.บัวหลวง รุกกองอินฟราฯ-รีท  หวังดัน AUM โตแตะ 1ล้านล้าน

บลจ.บัวหลวง เตรียมลุยกองทุนอินฟราฯ-รีท-ตราสารหนี้ ขยายฐานกลุ่มเวลธ์แบงก์กรุงเทพ และประสานพลัง Wellington ขยายความร่วมมือด้านลงทุนยั่งยืน หวังเอยูเอ็มปีนี้โตแตะ1ล้านล้าน พร้อมมองบวกหุ้นไทยครึ่งหลังและปี67 ชู5หุ้นเด่น BH, BCH,SKR,VGI,PlanB

นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง (BBLAM) เปิดเผยว่า สำหรับทิศทางธุรกิจปีนี้วางเป้าหมายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เติบโตต่อเนื่องคาดหวังAUMแตะ 1 ล้านล้านบาท  กลยุทธ์หลักเน้นการขยายกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตักเจอร์ฟันด์) และกองรีท ทั้งเพิ่มขนาดสินทรัพย์กองเดิมและเตรียมออกกองใหม่เพิ่มเติม รวมถึงกองทุนตราสารหนี้ที่ในปีนี้ กลับมาให้ผลตอบแทนดีขึ้นกว่าปีก่อน พร้อมกับจับมือร่วมกับธนาคารกรุงเทพ เดินหน้าขยายฐานลูกค้ามั่งคั่ง(เวลธ์) อย่างจริงจังมากขึ้นในปี

 

พร้อมกันนี้  ล่าสุด บลจ.บัวหลวง และ Wellington Management ลงนามความร่วมมือ “Sustainability Partnership” เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือ มุ่งเน้นบริหารเงินลงทุนแบบ Sustainable Investment และตามหลักการของ ESG ในทุกกองทุนภายใน3ปีข้างหน้า เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและดีในระยะยาว

จากปี2565 มีAUM อยู่ที่ 900,000 ล้านบาท โดยยังเป็นเงินไหลเข้าสุทธิ 12,000 ล้านบาท จากช่วงปลายปีมีเงินไหลเข้ากองทุนประหยัดภาษี SSF และRMF ราว10,000 ล้านบาทและตลอดทั้งปีมีเงินไหลเข้ากองทุนต่างประเทศ (FIF) ราว2,000ล้านบาท เมื่อเทียบกับทั้งอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยปีก่อนเป็นเงินไหลออกสุทธิถึง200,000 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศในปีนี้ นายพีรพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเรายังคงน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยในปีนี้ เพราะยังมีมุมมองเชิงบวกในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้และปี2567 หลังจากได้รัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งไม่ว่าจะชุดเดิมหรือใหม่ เชื่อว่าจะมีมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตที่ระดับศักยภาพ จีดีพีโต 3.5-4.%หรือมากกว่า4% จากปีก่อน จีดีพีโต2.8%

และจีนกลับมาเปิดประเทศเร็วกว่าคาด ทำให้มีโอกาสที่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาในปีนี้จะมากกว่า 20ล้านคน แม้ปัจจุบันสะท้อนราคาหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าวไปแล้วแต่กำไรยังไม่ฟื้นตาม

รวมถึงมองเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ กรอบ 1,600 -1,700 จุด ไม่หลุด1,500 จุด สะท้อนการรับรู้ล่วงหน้าความเสี่ยงเกิดเศรษฐกิจถดถอยในประเทศหลักของโลกอย่างยุโรปและสหรัฐก่อนหน้านี้แล้ว

สำหรับกลุ่มหุ้นไทยน่าสนใจลงทุน มองว่า ยังคงเป็น กลุ่มโรงพยาบาล อาทิ บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) , บมจ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) , บมจ.ศิครินทร์ (SKR) รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเชิงสุขภาพในประเทศไทยมากขึ้น กลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย(สื่อนอกบ้าน) อาทิ บมจ.วีจีไอ (VGI) ,บมจ.แพลน บี มีเดีย ( PlanB )

นอกจากนี้ กลุ่มท่องเที่ยว รับเปิดประเทศ โดยเฉพาะจีน ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม สปา สนามบิน ค้าปลีก ยังมีแนวโน้มเติบโต และมีการปรับราคาสินค้าขึ้นตามเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ มีโอกาสในการทำกำไร เพิ่มมากกว่าช่วงปีก่อนโควิด ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มนี้ ยังไม่ปรับขึ้นสูงมาก

ขณะที่มุมมองหุ้นต่างประเทศ เราได้มีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย ทิศทางเศรษฐกิจปีนี้ปรับตัวดีขึ้น ทิศทางค่าเงินแข็งค่าขึ้นและมีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง

โดยเฉพาะฝั่งเอเชียเหนือ อย่างหุ้นจีน ทั้งในกลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงก์เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศและท่องเที่ยว หลังจีนกลับมาทยอยเปิดประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะตามมาในปีนี้ ขณะที่หุ้นเทคโนโลนีขนาดใหญ่ของจีน ยังมีการเติบโตสูงและเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวต่อจากกช่วงปลายปีก่อน

แต่สำหรับหุ้นสหรัฐ ยังคงน้ำหนักการลงทุนเนื่องจากมีความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยระยะสั้น แต่ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นยุโรป เริ่มมีสัญญาเศรษฐกิจถดถอยปีนี้แน่นอน ราคาพลังงานและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงกดดัน