ศุลกากรยึดโคคาอีนซุกกระเป๋าสัมภาระเข้าไทยกว่า2กิโลกรัม
ศุลกากรจับกุมชายชาวเอธิโอเปีย ซุกโคคาอีนในกระเป๋าสัมภาระ น้ำหนัก 2,200 กรัม มูลค่า 6.6 ล้านบาท ณ สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนา และบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2566 เจ้าหน้าที่ศุลกากรสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองสืบสวนและปราบปรามได้วิเคราะห์ข้อมูลจากสถิติการจับกุมยาเสพติดทางอากาศยานในช่วงที่ผ่านมา ตามโครงการสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force : AITF) หรือ หน่วยสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานนานาชาติ
ที่เป็นการผนึกกำลังของกรมศุลกากร สำนักงาน ป.ป.ส. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย
จึงได้เฝ้าระวังผู้โดยสารที่มีสัญชาติเสี่ยงในการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรและตรวจพบบัญชีรายชื่อผู้โดยสารสัญชาติเอธิโอเปีย ด้วยสายการบิน ETHIOPIAN AIRLINES ซึ่งเดินทางมาจากกรุงแอดดิสอาบาบา สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประเทศไทย
เมื่อผู้โดยสารที่ต้องสงสัยเดินทางมาถึงประเทศไทย จึงทำการตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระด้วยเครื่องเอกซเรย์ พบว่ามีสิ่งผิดปกติอยู่ภายในกระเป๋าเดินทางทรงแข็ง มีล้อลาก สีดำ ขนาดประมาณ 36 x 52 เซนติเมตร จำนวน 1 ใบ ที่จัดทำช่องใส่ของบริเวณพื้นกระเป๋าขึ้นมาเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้นโดยละเอียด
โดยใช้ไขควงเปิดช่องลับที่บริเวณพื้นกระเป๋าเดินทาง พบถุงพลาสติกใสพันทับด้วยกระดาษกาวสีดำจำนวน 1 ห่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้มีดคัตเตอร์กรีดถุงพลาสติกใสพันทับด้วยกระดาษกาวสีดำดังกล่าว
พบวัตถุต้องสงสัยมีลักษณะเป็นผงสีขาว จึงได้ทดสอบผงสีขาวดังกล่าวด้วยน้ำยาทดสอบเบื้องต้นของยาเสพติดชนิดโคคาอีน (น้ำยาทดสอบ 052 Cobalt Thiocyanate Reagent) ผลการทดสอบจากสารสีใสได้กลายเป็นสารสีฟ้า เชื่อได้ว่าวัตถุต้องสงสัยเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 2,200 กรัม มูลค่า 6.6 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงทำบันทึกจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวนสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ในกรณีนี้ เป็นความผิดในการนำยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ และความผิดตามกฎหมายศุลกากร มาตรา 242 มาตรา 166 มาตรา 167 และมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง เพิ่มความเข้มงวดและเดินหน้าปราบปรามการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาและออกนอกราชอาณาจักรทุกเส้นทาง ซึ่งกรมศุลกากรขานรับนโยบายดังกล่าว และเพิ่มความเข้มงวดในการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง