คลังชี้ค่าเงินบาทแข็งกระทบรายได้ส่งออก
คลังชี้ค่าเงินบาทแข็งกระทบรายได้ส่งออก หวังรายได้จากการท่องเที่ยวเข้ามาทดแทน ขณะที่รายได้จากภาคท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 18 % ของจีดีพี
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า กระทรวงการคลัง คาดหวังรายได้จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวในปีนี้ จะเข้ามาชดเชยรายได้จากภาคส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
เขากล่าวระหว่างปาฐกถาเรื่อง "นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนของประเทศกับบทบาทของประกันภัย ภายใต้ New Challenges" ซึ่งจัดโดยคปภ.โดยคาดว่า ในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมากกว่า 20 ล้านคน เทียบกับปีที่แล้วที่เข้ามาประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดประเทศของไทย ซึ่งรายได้จากภาคท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 18 % ของ GDP โดย 12 % มาจากรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และอีก 6 % มาจากรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยที่เที่ยวกันเองในประเทศ
เขากล่าวว่า รายได้จากภาคการท่องเที่ยว ในปีนี้จะเข้ามาช่วยชดเชยรายได้จากภาคส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ถือเป็นความเสี่ยงของภาคส่งออกในปีนี้
เขากล่าวว่า เศรษฐกิจของไทย ถือว่าเป็นประเทศที่ฟื้นตัวเร็วหลังจากโควิดคลี่คลาย สาเหตุสำคัญมาจากการที่เราเปิดประเทศเร็วกว่าประเทศอื่นๆ โดยเราเริ่มเปิดประเทศตั้งแต่ พฤศจิกายนปี 2564 โดยเริ่มจากทำภูเก็ต Sand box ตามนโยบายคู่ขนานระหว่างการป้องกันโรคกับการเปิดประเทศ
เขากล่าวว่า ค่าเงินบาทผันผวนตามภาวะของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่บางช่วงก็อ่อนเร็ว บางช่วงก็แข็งค่าเร็ว ซึ่งค่าเงินดอลาร์ มาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อของสหรัฐ
ทั้งนี้ FPO ได้ประเมินเศรษฐกิจไทบเมื่อปลายเดือนมกราคมนี้ว่า จะขยายตัวเฉลี่ยทั้งปีที่ 3.8 % โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้าไทย ประมาณ 27.5 ล้านคน ขยายตัวจากปีที่แล้ว 147 % ส่วนรายได้จากภาคส่งออกในรูปดอลลาร์คาดว่า จะขยายตัว 0.4%
นอกจากนี้นายอาคม ยังได้กล่าวถึงความท้าทายของธุรกิจประกันภัยในอนาคตว่า มาจาก การที่สังคมไทยเข้สู่สังคมสูงอายุ โดยในปี 2577 สังคมไทยจะเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอด หรือ Super Aged Society ซึ่งคนจะมาห่วงในเรื่องการรักษาสุขภาพ การหาทางชะลอวัย และการเสริมความงาม ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสของธุรกิจประกันภัย รวมถึงโอกาสการเกิดโรคติดต่ออุบัติใหม่ ที่จะทำให้คนหันมาทำประกันสุขภาพมากขึ้น รวมถึงการที่ประเทศก้าวเข้าสู่ยุคdigital และการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศ เป็นปัจจัยที่ทำหคนหันมาทำประกันภัยมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเมื่อมีการใช้ digital มากขึ้น เป็นช่องทางที่มิจฉาชีพเข้ามา