สรรพากรจับมือกรุงไทยเพิ่มช่องทางยืนยันตัวตนผ่านแอป “เป๋าตัง”

สรรพากรจับมือกรุงไทยเพิ่มช่องทางยืนยันตัวตนผ่านแอป “เป๋าตัง”

สรรพากรจับมือกรุงไทยเพิ่มช่องทางยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่ออำนวยความสะดวกผู้เสียภาษีก่อนเข้าถึงบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมฯ ยันมีความปลอดภัย พร้อมเผยพบบุคคลธรรมดาขอคืนภาษีผิดปกติ 15% จากยอดที่ขอคืน 1.4 ล้านราย เดินหน้าตรวจสอบเข้ม

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยผ่านโครงการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี โดยเป็นการนำบริการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอปพลิเคชัน  “เป๋าตัง” มาใช้ยืนยันตัวตนก่อนเข้าถึงบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่กรมสรรพากรได้จัดเตรียมไว้ให้กับผู้เสียภาษี

สำหรับระบบตรวจสอบข้อมูลทางภาษี (My Tax Account) ของกรมฯนั้น ประชาชนจะต้องยืนยันตัวตนก่อนใช้บริการเพื่อความปลอดภัย โดยปัจจุบันกรมฯ ให้บริการผ่าน 2 ช่องทางคือ ผ่านบัตรประชาชน และบริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (National Digital ID - NDID) อย่างไรก็ดี เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนมากขึ้น กรมฯ จึงได้เชื่อมระบบการยืนยันตัวตนผ่านแอปเป๋าตัง ซึ่งปัจจุบันประชาชนมีการใช้งานแอปดังกล่าวอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนมากขึ้น

ทั้งนี้ หากยืนยันตัวตนแล้ว ท่านสามารถใช้บริการต่างๆ ของกรมได้อย่างปลอดภัย ได้แก่ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผ่านอินเทอร์เน็ต (e-Filing) ระบบตรวจสอบข้อมูลทางภาษี (My Tax Account) ระบบภาษีหัก ณ ที่จ่าย (e-Withholding Tax) ระบบตรวจสอบเงินบริจาค (e-Donation) ระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี  ผ่านแอปพลิเคชัน (RD Smart TAX) และระบบรับชำระอากรแสตมป์เป็นตัวเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Stamp Duty) รวมทั้งบริการ ทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ของกรมสรรพากรที่จะพัฒนาเพิ่มอีกในอนาคต

“การให้บริการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์บนแอป “เป๋าตัง” จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางดิจิทัลต่างๆ รวมถึงเป็นช่องทางการชำระภาษีที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น มีระดับความน่าเชื่อถือของอัตลักษณ์เป็นไปตามกฎหมาย และข้อกำหนดของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกฎหมายด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA”

เขายังกล่าวด้วยว่า กรมฯ ประเมินว่า ยอดการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในปีนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยในส่วนของการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น ขณะนี้ อยู่ในช่วงของการเปิดให้ผู้มีเงินได้เข้ามายื่นแบบชำระภาษี หรือ นับตั้งแต่เดือนม.ค.ถึง มี.ค.ของทุกปี ส่วนการยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น ได้ทยอยยื่นผ่านการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลปีละ 2 ครั้ง และภาษีมูลค่าเพิ่มชำระทุกเดือน กรมฯ จึงเห็นยอดการชำระภาษีที่มีแนวโน้มดีขึ้น

สำหรับผลการยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น ล่าสุดได้รับรายงานมีผู้ยื่นแบบแล้ว 2.4 ล้านราย ในจำนวนนี้ ประสงค์ขอคืนภาษีจำนวน 1.4 ล้านคน ทางกรมฯ ได้คืนภาษีแล้วประมาณ 70% ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทั้งนี้ ในจำนวนที่ยื่นแบบดังกล่าว เป็นการยื่นแบบทางระบบออนไลน์ 95%

เขากล่าวว่า ในปีนี้ จะเป็นปีที่กรมฯ ตรวจสอบการคืนภาษีที่มีความรอบคอบ และเข้มข้นมากขึ้น โดยระบบ AI จะเข้ามาช่วยตรวจสอบ หากพบความผิดปกติ ทางกรมฯ จะขอข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้เกิดความล่าช้าในการคืนภาษี ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว หากไม่พบความผิดปกติในการยื่นแบบชำระภาษี ทางกรมฯ จะคืนภาษีภายใน 3 วันทำการเท่านั้น แต่หากพบความผิดปกติ การคืนภาษีจะล่าช้ากว่านั้นหรือเกินกว่า 7 วันทำการ

“ในจำนวนที่กรมฯ ยังไม่ได้ทำการคืนภาษีให้อีกประมาณ 30% จากผู้ที่ขอคืนภาษีนั้น เราพบว่า มีประมาณ 10-15% ที่มีความผิดปกติในการยื่นแบบ ดังนั้น เราจึงต้องตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น”เขากล่าวและว่า ทั้งนี้ ในแต่ละปีจะมีผู้ยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 11 ล้านคน ในจำนวนนี้ เป็นผู้เสียภาษีประมาณ 4 ล้านคนเท่านั้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์