คลังยันสหรัฐปิด2แบงก์ไม่ลามกระทบเศรษฐกิจไทย
คลังชี้เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยยังแกร่ง ยันสหรัฐสั่งปิด 2 แบงก์ ไม่กระทบ สั่งธปท.เกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ขณะที่ ตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงเป็นไปตามกระแสเท่านั้น
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวถึงกรณีทางการสหรัฐสั่งปิดกิจการ ซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) และ ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley Bank หรือ เอสวีบี)ว่า เข้าใจว่า เป็นปัญหาที่เกิดจากการขาดสภาพคล่อง ซึ่งถูกต้องแล้วที่ทางการเขาดำเนินการอย่างนี้ ซึ่งหลักการแก้ไขปัญหาที่เขาทำก็คล้ายกับที่เราดำเนินการเมื่อปี 2540 คือ ไม่ทำให้เกิดภาระต่อประชาชน สำหรับภาพรวมของผลกระทบนั้น ต้องรอฟังจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เพราะเป็นผู้มอนิเตอร์ในเรื่องดังกล่าว
“ต้องรอฟังข้อมูลจากแบงก์ชาติด้วย เพราะเขาเป็นคนมอนิเตอร์เรื่องนี้ ซึ่งกรณีนี้เคยเกิดเมื่อวิกฤตฟองสบู่ของเรา แต่กรณีดังกล่าว มีขนาดที่ใหญ่กว่า เข้าใจว่า เป็นปัญหาที่เกิดจากการขาดสภาพคล่องของ 2 แบงก์ ซึ่งก็ถูกต้องแล้วที่ทางการดำเนินการอย่างนี้ แต่ว่า หลักการเขาคล้ายกับเรา คือ ไม่เป็นภาระต่อประชาชน”
เมื่อถามว่า กรณีปัญหาดังกล่าว ได้สร้างความกังวลว่าจะก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจลามไปทั่วโลกหรือไม่ เขากล่าวว่า อย่าพูดเรื่องไม่น่ากังวล ซึ่งกรณีดังกล่าว เราต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ถึงขั้นต้องตั้งทีมร่วมกับธปท.เพราะแค่ธปท.ดูแลก็เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ดี เท่าที่ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลกระทบต่อไทย ก็มีเรื่องของตลาดหุ้นที่ปรับลดลง
“เรื่องของตลาดหุ้นที่ลดลงนั้น เป็นไปตาม sentiment ของนักลงทุนมากกว่า อย่างกรณีตลาดดาวโจนส์นั้น พอทางการประกาศชัดเจนเรื่องภาระต่างๆ ดัชนีหุ้นก็ปรับตัวดีขึ้น”เขากล่าว
เขายืนยันว่า ทางแบงก์ชาติได้ยืนยันมาตลอดในเรื่องเสถียรภาพและระบบการเงินของไทยไม่ได้มีปัญหา และยังได้รับความน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกัน ปัจจุบันเราไม่ได้มีธุรกรรมกับ 2 ธนาคารนี้ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการก็ไม่ได้ไปลงทุนในพอร์ตของ 2 แบงก์ดังกล่าว ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร และไม่กระทบโดยตรงกับระบบการเงินของไทย
“เราคงตอบแมสเซสทั้งหมดไม่ได้ เพราะธุรกรรมการเงินของเรามีหลายรูปแบบ แต่เท่าที่ทราบ เงินกองทุนทั้งหลายของเรา ไม่ได้ไปลงทุนเขา เช่น กบข. ส่วนการคุ้มครองเงินฝากนั้น เขาก็ทำตามเราเมื่อปี 2540 เช่น เคยคุ้มครองเยอะ เมื่อหมดความจำเป็นก็ลดลงมา”