‘เผ่าภูมิ”เพื่อไทย ชง เปิดวอลเล็ตให้คนไทย หนุนใช้จ่ายกระจายสู่ทั่วประเทศ
‘เผ่าภูมิ”เพื่อไทย ชงเคลื่อนไทยสู่ ‘ดิจิทัลอีโคโนมี’เปิดวอลเล็ตให้คนไทย ตั้งแต่อายุ16ปีขึ้นไป ใช้จ่ายภายในรัศมี4กิโล ปูทางประเทศไปสู่การชำระเงินรูปแบบใหม่ รองรับการเติบโตด้านดิจิทัล หวังกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมกันทั่วประเทศ
ดร.เผ่าภูมิ โรจนกุล รองเลขาธิการ ผู้อำนวยการศูนย์นโยบาย กรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวในงาน สัมมนา “ นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดทุน”ภายใต้ รัฐบาลหลังเลือกตั้ง ที่จัดขึ้น โดย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย(FETCO) ว่า สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย คือการขับเคลื่อน นโยบายด้าน Digital Economy ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพราะปัจจุบัน Digital Economy ถือว่าเติบโตเร็วมาก คิดเป็น2.5เท่า หากเทียบกับเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศ
แต่การขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ Digital Economy ได้นั้นต้องมีต้นทุน
ดังนั้นพรรคเพื่อไทย จึงเสนอการลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทย
โดยการสนับสนุนให้ประชาชนมีดิจิทัลวอลเล็ตเป็นของตัวเอง สอดรับกับโลกที่จะพัฒนาไปสู่การชำระเงินรูปแบบใหม่ๆมากขึ้นในระยะข้างหน้า
ดังนั้นประเทศไทยจำเป็นต้องมีระบบที่รองรับการชำระเงินรูปแบบใหม่ ที่จำเป็นต้องทำให้เกิดอย่างรวดเร็ว เช่น การสนับสนุนให้ประชาชนที่มีอายุ16ปีขึ้นไป มีดิจิทัลวอลเล็ตเป็นของตัวเอง โดยภาครัฐจะใส่เงินขวัญถุง และบังคับให้ประชาชนใช้ให้หมดภายใน6เดือน โดยสามารถใช้ได้เฉพาะรัศมี4กิโลเมตร เหล่านี้จะเป็นการเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนใช้ดิจิทัลมากขึ้น ประเทศไทยจะมีความพร้อมในการรองรับการชำระเงินรูปแบบใหม่ๆมากขึ้น
ซึ่งการทำลักษณะเช่นนี้ ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อลดแผลเป็นครั้งใหญ่จากโควิดในช่วงที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายพร้อมกันทั้งประเทศ ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล
“เพื่อไทยมองว่า การสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญ ผ่านนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ทันสมัย และพร้อมหยิบเงินยุคใหม่ใส่มือประชาชน”
สำหรับการภารกิจเพื่อผลักดันตลาดทุนไทย นโยบายของพรรคคือ การผลักดดันตลาดทุนไทย ไปสู่ภูมิภาค ผ่าน3กลไก ผ่านการสร้างจุดเด่น การสร้างกลไก แลละสร้างการเข้าถึง
การสร้างจุดเด่น มองว่า ปัจจุบันตลาดทุนไทย ยังไม่มีจุดเด่น ไม่มีกลไกการะดมทุนที่ดี อีกทั้งประเทศไทยยังเต็มไปด้วยรายย่อย ที่ไม่จำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์หลักทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้โบรกเกอร์มีการแข่งขันด้านราคา แต่ละเลยด้านคุณภาพ
ดังนั้นมองว่า เหล่านี้คือกำดักของการพัฒนาตลาดทุนไทย ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำให้เกิดขึ้น คือการผลักดันรายย่อยให้สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมได้มากขึ้น
นอกจากนี้ การเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ไทย ปัจจุบันยังไม่เห็นบริษัทใหญ่ๆต่างประเทศเข้ามาระดุมทุน ดังนั้นสิ่งที่ต้องแก้ไขคือการสนับสนุนให้ทุนนอกเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยได้มากขึ้น และสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้มากขึ้น
ที่สำคัญ คือการพัฒนาตลาดรองตราสารหนี้ให้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนที่ดี ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องการสนับสนุน การสร้างตลาดรองตราสารหนี้ ให้มีประสิทธิภาพ เพราะหากตลาดรองตราสารหนี้ไม่มีประสิทธิภาพ กระบวนการการซื้อขายตราสารหนี้ที่ดีก็ยังคงไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย
เหล่านี้คือ 3ภารกิจหลักที่พรรคเพื่อไทยต้องการสนับสนุนเพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยกลายเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่โดดเด่นในภูมิภาค เท่าเทียม ทั่วถึงทุกภาคส่วนมากขึ้น