‘พุทธิพงษ์’ภูมิใจไทย ชง “พักหนี้3ปี’ช่วย11.6ล้านคนหลุดวงจรหนี้ชั่วคราว
“พุทธิพงษ์” ภูมิใจไทย ชงแผนพักหนี้3ปี ช่วยธุรกิจ ครัวเรือน 11.6ล้านคนหลุดจากวงจรหนี้ชั่วคราว ต่อลมหายใจประชาชนกลับมาฟื้นตัวอย่างยั่งยืน พร้อมเสนอเปิดเครดิตให้คนไทย หวังปูทางสร้างเครดิตให้คนทั้งประเทศ เข้าถึงระบบการเงิน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. พรรคภูมิใจไทย กล่าวในงานสัมมนา “นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดทุน”ภายใต้ รัฐบาลหลังเลือกตั้ง ที่จัดขึ้น โดย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า นโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจของพรรคภูมิใจไทย คือ การช่วยให้คนครึ่งหนึ่งของประเทศกว่า 11.6ล้านคน หลุดจากการเป็นหนี้ หลุดจากภาระหนี้สินชั่วคราว เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัว และการเติบโตของภาคธุรกิจและครัวเรือนอย่างยั่งยืน หลังเผชิญวิกฤติหนักจากโควิด-19
โดยหากดูปัญหาของคนไทย ของภาคธุรกิจในช่วง 3-4ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เป็นปัญญาฉุดรั้งสำคัญ คือ “ภาระหนี้สิน” ดังนั้นการกลับมาดูแลภาระหนี้สินของประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเวลานี้ เพราะหากยังไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน ของภาคธุรกิจได้ ภาคเศรษฐกิจมหาภาคก็ไม่สามารถไปต่อได้
พรรคภูมิใจไทยจึงเสนอให้มีการ พักเงินต้นและดอกเบี้ย 3ปี สำหรับหนี้ในระบบ ซึ่งไม่ใช่การยกหนี้ให้ แต่เป็นการพักชำระหนี้ไปก่อน 3ปี เพื่อให้บริษัท ประชนชนสามารถกลับมาทำธุรกิจได้ จนสามารถกลับมายืนได้และกลับมาชำระหนี้ได้ เหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เศรษฐกิจมหาภาคขับเคลื่อนต่อไปได้
นโยบายถัดมา คือการ “เปิดเครดิต”ให้คนไทย ไว้ใช้ในช่วงจำเป็น ฉุกเฉิน หรือใช้เป็นเครดิต เพื่อใช้จ่าย ซึ่งเงินเครดิตดังกล่าว ไม่ใช่ “เงินให้เปล่า” เป็นนโยบายประชานิยม ใช้แล้วหมดไป แต่ให้ประชาชนทยอยผ่อนจ่าย
เหล่านี้จะปลูกฝังให้คนไทย สร้างเครดิตให้ตัวเองได้ในระยะยาว และสามารถต่อยอดไปสู่การกู้เงินผ่านระบบในอนาคตที่ถูกต้องได้
สำหรับการขับเคลื่อนตลาดทุน มองว่า นโยบายการเก็บภาษี เป็นนโยบายที่ต้อง “ยกเลิก”ไปเลย เพราะหากยิ่งมีการเก็บภาษี อาจกระทบต่อสภาพคล่องของตลาดทุนได้ในระยะข้างหน้า และจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และผู้ประกอบการรายย่อย กองทุนต่างๆไปอย่างน้อย 3ปี
ซึ่งสิ่งที่จำเป็นมากกว่าคือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน สร้างความน่าเชื่อถือให้ตลาดทุนไทยมากขึ้น ลดเงื่อนไข ลดความซับซ้อนในการลงทุนผ่านตลาดทุน เพราะปัจจุบันยอมรับว่า อุปสรรคที่ทำให้ต่างชาติไม่เข้ามาลงทุน มาจากกฎระเบียบผ่านระบบตลาดทุนที่มากเกินไป บวกกับการเอาเงินเข้าออกจากตลาดทุนทำได้ง่าย
ดังนั้นหากสามารถแก้จุดดังกล่าวได้เชื่อว่า จะทำให้ตลาดทุนไทยน่าสนใจมากขึ้นในระยะข้างหน้า
“หน้าที่ของภาครัฐ ของพรรคการเมืองทำการสร้างความเชื่อมั่น ทั้งการสร้างเมกะโปเจกต์ต่างๆ ที่ต่างชาติมองว่าสามารถต่อยอดต่อไปได้ เหล่านี้อาจดึงดูดตลาดทุนให้เพิ่มขึ้นไปอีก2-3เท่าในระยะข้างหน้า และการพลักดันเศรษฐกิจไปสู่อุตสาหกรรมดิจิทัลที่ต้องทำให้เกิดโดยเร็ว”
ดังนั้น ด้วยนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่พร้อมผลักดันโครงการต่างๆให้เกิดขึ้นจริง ผลักดันนโยบายที่ดี มีประโยชน์กับประชาชน และพร้อมหยิบนโยบายจากพรรคการเมืองอื่นๆที่มีประโยชน์มาปรับใช้ ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งเชื่อว่า ด้วยนโยบายของพรรคที่ทำจริง เกิดขึ้นได้จริง จะทำให้ประชาชนสัมผัสได้และเลือกพรรคเข้ามาบริหารประเทศในระยะข้างหน้า