สรรพสามิตกิจกรรมเศรษฐกิจดีดันยอดจัดเก็บภาษีสุราพุ่ง12%

สรรพสามิตกิจกรรมเศรษฐกิจดีดันยอดจัดเก็บภาษีสุราพุ่ง12%

สรรพสามิตเผยกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังรัฐบาลเปิดประเทศ ส่งผลให้สินค้าในหมวดเครื่องดื่มโดยเฉพาะสุราปรับเพิ่มถึง 12% เทียบกับปีก่อน โดยมียอดจัดเก็บเกือบ 3 หมื่นล้านบาทใน 5 เดือนแรก ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด

นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิตเผยว่า หลังจากที่มีการเปิดประเทศ กิจกรรมศรษฐกิจมีความคึกคักมากขึ้น ทำให้สินค้าในหมวดเครื่องดื่ม โดยเฉพาะสุรา มีการจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 66 นี้ จัดเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ 12%

“นับตั้งแต่หลังการเปิดประเทศจนถึงปัจจุบัน ผลการจัดเก็บรายได้ในสินค้าสุรา ฟื้นตัวกลับคืนมาใกล้เคียงกับก่อนโควิดแล้ว โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณนี้ เก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ 12%”

 

 

สำหรับการจัดเก็บรายได้ของกรมฯในช่วง 5 เดือนของปีงบประมาณ จัดเก็บได้รวม 1.98 แสนล้านบาทแต่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่เก็บได้ 2.3 แสนล้านบาท แต่เนื่องจากในปีงบประมาณนี้ รัฐบาลได้ปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลง 5 บาท/ลิตร ต่ออีกสองเดือน จากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่จะสิ้นสุดในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ซึ่งทำให้กรมสรรพสามิตสูญเสียรายได้เดือนละประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตของกรมฯในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

 

สินค้าที่จัดเก็บภาษีสรรพสามิตได้มากสุด 5 อันดับแรก คือ 

  1. รถยนต์ 4.44 หมื่นล้านบาท 
  2. น้ำมัน4.43 หมื่นล้านบาท 
  3. เบียร์ 4.0 หมื่นล้านบาท 
  4. สุรา 2.9 หมื่นล้านบาท 
  5. ยาสูบ 2.5 หมื่นล้านบาท

 

สำหรับภาษีความหวาน ซึ่งจะเริ่มใช้อัตราใหม่ในเฟสที่สาม  ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป  ซึ่งกรมฯไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากภาษีความหวานนี้ แต่ต้องการใช้มาตรการภาษีเข้าไปดูแลสุขภาพของประชาชน  ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการก็ได้ปรับตัวลดความหวานลงมาแล้ว ส่วนภาษีความเค็มซึ่งเป็นแนวคิดของกรมสรรพสามิตอีกตัวหนึ่ง ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา

ส่วนผลการจดัเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบ 66 รัฐบาล จัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 9.89 แสนล้านบาท สูงกว่า ประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 9 หมื่นล้านบาท หรือ10.1% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.8%