สร้างกลยุทธ์ รับมือทุกภาวะตลาด ด้วย Options
ถ้าพูดถึงตราสารสิทธิ หรือออปชั่น (Options) หลายท่านอาจจะคิดว่าเป็นตราสารที่ซับซ้อนเข้าใจยาก หากแต่การลงทุนในปัจจุบัน
หลายท่านอาจจะเคยมีการซื้อขายตราสารที่มีลักษณะแบบเดียวกับออปชั่นไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างเช่น Derivative Warrants หรือดีวอร์ ที่เรียกกัน หุ้นกู้อนุพันธ์ (Structured Note) เป็นต้น
โดยออปชั่นนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถนำมาใช้ในสภาพตลาดที่หลากหลาย ทั้งช่วงขาขึ้น ขาลง หรือแม้แต่ตลาด Sideway หรือไม่มีทิศทางชัดเจน อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ลงทุนจะมีความเชี่ยวชาญในการใช้ออปชั่นให้หลากหลายได้นั้น จำเป็นต้องใช้เวลาในการศึกษา ทำความเข้าใจ และมีประสบการณ์ในการซื้อขาย แต่สำหรับการศึกษาและนำออปชั่นมาใช้งานเบื้องต้น ก็สามารถทำได้ไม่ยากเช่นกัน รวมทั้งในปัจจุบันก็มีเครื่องมือหรือ Application ที่จะช่วยทำเรื่องยากให้ง่ายขึ้นด้วย
ขอเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกับออปชั่น ออปชั่นคือ สัญญาที่ผู้ขายให้สิทธิกับผู้ซื้อในการซื้อ (Call Options) หรือขาย (Put Options) สินค้าที่ตกลงกัน ตามเงื่อนไขที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นราคาเพื่อซื้อ หรือขายสินค้า (ราคาใช้สิทธิ) จำนวนสินค้าที่จะซื้อขาย และคุณภาพ โดยในการที่จะได้สิทธิดังกล่าวมา ผู้ซื้อจะจ่ายเงินค่าสิทธิให้กับผู้ขาย (เรียกว่าค่า Premium) เพื่อแลกกับสิทธิดังกล่าว ตัวอย่างเช่น Put Options เป็นสัญญาที่ให้สิทธิในการขาย
ดังนั้น หากผู้ลงทุนคาดการณ์ว่าราคาสินค้าอ้างอิงจะปรับตัวลดต่ำลง ก็สามารถเลือกซื้อ Put Options ไว้ก่อน เมื่อราคาสินค้าอ้างอิงปรับตัวต่ำลง มูลค่าของ Put Options ก็จะปรับสูงขึ้น เพราะออปชั่นให้สิทธิขายในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด ณ ขณะนั้น ดังนั้น อาจเทียบเคียงได้กับกรณีของการซื้อประกันอุบัติเหตุ ซึ่งต้องจ่ายเงินค่าประกัน หรือสิทธิในการเรียกร้องสินไหมไปก่อน หากประสบอุบัติเหตุก็จะสามารถเรียกร้องให้บริษัทประกันจ่ายค่าสินไหมชดเชยให้
จะเห็นได้ว่าจุดเด่นของการถือหรือซื้อออปชั่นคือ ผู้ถือออปชั่นมีโอกาสในการทำกำไรในมูลค่าที่สูงได้ในสภาพตลาดทั้งขาขึ้นขาลง กล่าวคือ คิดว่าตลาดมีโอกาสขึ้นได้ในอนาคต ก็สามารถซื้อ Call Options เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรได้ แต่หากเห็นว่าระดับราคามีแนวโน้มลดลงก็สามารถซื้อ Put Options ในการสร้างโอกาสการทำกำไรได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากออปชั่นเป็นสัญญาสิทธิซึ่งมีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน หากถึงจุดที่สิ้นสุดสัญญาแล้วและผู้ถือครองยังไม่สามารถใช้สิทธิ ออปชั่นนั้นก็จะหมดอายุและผู้ถือออปชั่นก็จะขาดทุนเท่ากับจำนวนที่จ่ายซื้อออปชั่นมานั่นเอง ดังนั้น สำหรับผู้ซื้อแล้ว การซื้อออปชั่นก็เหมือนกับซื้อสิทธิในการทำกำไรที่พ่วงมาด้วยประกันที่รับรองว่าจะไม่ขาดทุนเกินเงินลงทุน
ในปัจจุบัน TFEX ได้เปิดให้มีการซื้อขายออปชั่นที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 หรือที่เรียกว่า SET50 Index Options โดยมีการกำหนดให้ชำระราคากันเป็นเงินสด แต่ด้วยสินค้าอ้างอิงเป็นดัชนี ดังนั้น TFEX จึงมีการกำหนดค่าตัวคูณดัชนีไว้เพื่อแปลงค่าจากระดับดัชนีมาเป็นเงินสดด้วย ตัวอย่างเช่น ซื้อ Put Options ที่หมดอายุเดือนมิ.ย. ปี 2023 ที่ราคาใช้สิทธิ 975 หาก ณ วันซื้อขายวันสุดท้าย ราคาที่ใช้ชำระราคาคือ 900 ดังนั้น ผู้ถือก็จะมีกำไรเท่ากับส่วนต่างของ ราคาใช้สิทธิกับราคาที่ใช้ชำระราคา คือ 75 จุด หรือ 75*200 เท่ากับ15,000 บาท ทั้งนี้ หากจะคิดกำไรสุทธิก็จะต้องนำต้นทุนที่ใช้ซื้อออปชั่นมาหักออกด้วย
ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นแนวคิดของการใช้ออปชั่น แต่ในการซื้อขายจริงผู้ลงทุนจำเป็นต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับสัญญามาตรฐาน (Contract Specification) ซึ่งกำหนดเกี่ยวกับสิทธิในหลายด้าน เช่น สิทธินั้นเป็นสิทธิในการทำกำไรในตลาดขาขึ้นหรือขาลง (Call หรือ Put) สัญญาครบกำหนดอายุเมื่อใด และเมื่อครบกำหนดอายุแล้วผู้ซื้อจะมีสิทธิได้เงินจากผู้ขายเมื่อดัชนี SET50 สูงหรือต่ำกว่าระดับใด (ราคาใช้สิทธิหรือ Strike Price) เป็นต้น
ดังนั้น สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยซื้อขายออปชั่นมาก่อน ก็อาจมองว่าเป็นเรื่องซับซ้อน และเกิดความไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกซื้อหรือขายออปชั่น อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนอาจจะเริ่มศึกษาด้วยการใช้เครื่องมือ ที่เรียกว่า “Options Starter” ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นเสริมของโปรแกรม Streaming
โดย Options Starter ได้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนมือใหม่สามารถเลือกซื้อออปชั่นให้ตรงกับความต้องการได้อย่างง่ายๆ ผู้ลงทุนเพียงแค่ระบุทิศทางตลาดที่คาดการณ์ไว้ (ขึ้นหรือลง) และอายุสัญญาที่ต้องการ โปรแกรมก็จะเลือกสัญญาที่เหมาะสมพร้อมต้นทุนที่ต้องใช้ และระดับดัชนีที่ออปชั่นดังกล่าวจะเริ่มทำกำไร มาเป็นข้อมูลให้ผู้ลงทุนเลือกได้ตามความต้องการ โดยผู้ลงทุนจะสามารถส่งคำสั่งซื้อ ออปชั่นผ่าน Options Starter ได้ทันที ภายหลังเมื่อมีความชำนาญมากขึ้น จึงใช้ออปชั่นหลายๆ สัญญาผสมผสานให้เกิดกลยุทธ์แบบซับซ้อนขึ้นได้
ทั้งนี้ TFEX ได้พัฒนาแหล่งความรู้เกี่ยวกับออปชั่นให้ผู้ลงทุนได้ศึกษาข้อมูลในเว็บไซต์ โดยแบ่งความรู้จากระดับพื้นฐานจนถึงระดับผู้ใช้กลยุทธ์ และยังมีเครื่องมืออื่นๆ ที่จะช่วยให้การเทรดออปชั่นสะดวกขึ้น เช่น โปรแกรมช่วยคำนวณค่าพรีเมี่ยมที่เหมาะสม และโปรแกรมคำนวณค่า Greek สำหรับผู้ลงทุนที่มีความชำนาญสูง โดยผู้ลงทุนที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.TFEX.co.th หรือช่องทาง Facebook ที่ TFEXstation