'บลจ.อเบอร์ดีน’ แจงซื้อหุ้น STARK ยันถือรวมต่ำ1% ไร้ผลกระทบ
บลจ.อเบอร์ดีน แจงชัดถือหุ้น STARK ผ่าน 4 กองทุน รวมกันไม่ถึง 1% ยืนยันไร้ผลกระทบ พร้อมประเมินทิศทางตลาดหุ้นช่วงไตรมาส 2 ยังผันผวนสูง แนะกระจายลงทุน โดยชู 3 ธีมเด่น “หุ้นจีน-หุ้นปันผล-หุ้นไทยขนาดกลางเล็ก”
นางสาวกัลยาวดี ทันเทียมเพชร Head of Client Group บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า ปัจจุบัน บลจ.อเบอร์ดีน มีการลงทุนหุ้นเพิ่มทุนที่ขายให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง(pp) ของ STARK ใน 4 กองทุนหุ้นไทย ประเภท Active fund คิดเป็นสัดส่วนรวมกันไม่ถึง1% ของมูลค่ากองทุนทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีนัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนกองทุนหุ้นไทยทั้ง 4 กองทุน และไม่มีการลงทุนหุ้นกู้ STARK แต่อย่างใด
“ในช่วงที่ผ่านมา มีลูกค้ากองทุนโทรเข้ามาสอบถาม ซึ่งก็ได้ชี้แจงไปแล้วจึงไม่มีความกังวล หรือมาขายคืนหน่วยลงทุนแต่อย่างใด”
ด้าน นายเดวิด ฮันเซล Head of APAC Wholesale บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนในช่วงไตรมาสสอง ปีนี้ว่า ตลาดยังมีความไม่แน่นอนสูง และมีความผันผวนค่อนข้างมาก ทิศทางการลงทุนของ อเบอร์ดีน แม้จะแนะนำให้นักลงทุนทยอยลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้ โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น แต่ควรเน้นหุ้นในภูมิภาคที่บริษัทเอกชนมีงบดุลแข็งแกร่ง ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ต้องเลือกลงทุนในระดับที่ลงทุนได้( Investment Grade )
ส่วนการลงทุนในกองทุนรวมที่มีรูปแบบ Active management ซึ่งสามารถปรับพอร์ตได้ทัน และเหมาะสมกับสถานการณ์ สร้างผลตอบแทนชนะตลาดผันผวนได้ ต้องมุ่งเน้น 3 กลยุทธ์เด่น ที่กระจายการลงทุนทั้งหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ ได้แก่
1.ลงทุนหุ้นจีนรับอานิสงส์เปิดประเทศ และการลงทุนจะเป็นไปตามแนวทางการลงทุนในจีนอย่างยั่งยืน
2.ลงทุนหุ้นปันผลเด่นทั่วโลก ระดับ 5-7% ต่อปีอย่างสม่ำเสมอรับกับตลาดผันผวนได้ดี
3.หุ้นไทยขนาดกลางและเล็ก ที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การลงทุนดังกล่าวต้องมาพร้อมกับ 3 แนวทางบริหารพอร์ตลงทุน คือ
1. การกระจายความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ด้วยการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ทางเลือก เช่น อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนในบริษัทนอกตลาด เป็นต้น ซึ่งกลยุทธ์การกระจายการลงทุนยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ยังมีความสำคัญในการลงทุน
2.การลดความเสี่ยง ด้วยการคัดเลือกหุ้นคุณภาพ และตราสารหนี้ระดับลงทุน สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว
3.เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดเกิดใหม่และเอเชีย เช่น จีน และอินเดีย ที่มีความน่าสนใจจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภค ในปีนี้เป็นจังหวะที่ทยอยเข้าลงทุน
ด้วยจุดแข็งของ บลจ.อเบอร์ดีน ที่แตกต่าง มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ใช้แนวทางการลงทุนยั่งยืน หรือ ESG ในการวิเคราะห์ และคัดเลือกหุ้น ซึ่งมองว่าเป็นธีมการลงทุนระยะยาวในอีก 20-30 ปีข้างหน้ายังเติบโตต่อเนื่องที่นโยบายของรัฐบาลทั่วโลกให้การสนับสนุน เช่นเดียวกับธีมดิจิทัล ที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี มีพัฒนาการ การเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา
รวมถึง กลยุทธ์การลงทุนระดับโลก ที่มีทีมผู้จัดการกองทุนอยู่ทั่วโลก ทั้งตลาดประเทศพัฒนาแล้ว และตลาดประเทศเกิดใหม่หรือกำลังพัฒนา สามารถชูกลยุทธ์การลงทุนในรูปแบบโซลูชันตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงของลูกค้า รวมถึงสามารถจ่ายเงินปันผลรายเดือนสม่ำเสมอแม้ในภาวะตลาดผันผวน และมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์