ถอดบทเรียนหุ้น STARK เราจะมีแบบนี้อีกกี่ราย?
STARK “โกง” นักลงทุนด้วยการ “แต่งงบการเงิน” หวังผลเพื่อจะ “ปั่นหุ้น” ให้มีมูลค่าสูง ประเด็นที่เกิดขึ้นกับ STARK ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า ตลาดทุนไทย จะยังมีเคสแบบนี้อีกมากน้อยแค่ไหน
เป็นเรื่องน่าเศร้าใจสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ต้องเจอเหตุการณ์เลวร้ายแบบหุ้น STARK หรือ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งอดีตผู้บริหารมือการเงินของ STARK ออกมายอมรับตรงๆ ว่า ได้ “โกง” นักลงทุนด้วยการ “แต่งงบการเงิน” ของ STARK ให้ออกมาดูดี เพื่อหวังผลในเชิงของราคาหุ้นหรือพูดง่ายๆ คือ เพื่อจะ “ปั่นหุ้น” นั่นเอง ซึ่งในมุมของผู้ลงทุน ไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่าการ “แต่งบัญชี” แล้ว
คนที่ตามข่าว STARK มาตั้งแต่ต้น ไม่มีใครไม่สงสัย “ซีเอฟโอ” (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน) ของบริษัทซึ่งเปรียบเสมือนคนคุมกระเป๋าเงิน จึงย่อมต้องรู้การเคลื่อนไหว เงินเข้า เงินออก ของบริษัททั้งหมด ...หลังจากเคส STARK ดังขึ้นมาแบบเปรี้ยงปร้าง ทุกสายตาจึงโฟกัสไปที่ “ซีเอฟโอ” ของบริษัทไม่น้อยไปกว่า “ซีอีโอ” (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร) ซึ่งอดีตซีเอฟโอของ STARK ก็คือ “ศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ”
โดย “ศรัทธา” ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทยทางช่อง MCOT อย่างเปิดอกว่า เขาเป็นผู้ที่ตกแต่งบัญชี STARK กับมือ ซึ่งเป็นการทำตามคำสั่งจาก 3 คน โดยเขาบอกว่า เป้าประสงค์ในการแต่งบัญชี ก็เพราะหวังผลในเชิงราคาหุ้น ซึ่งหวังจะลากหุ้นให้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม SET50 เพราะจะทำให้มีนักลงทุนสถาบันและรายใหญ่เข้ามาซื้อหุ้น STARK อีกจำนวนมาก และเขาก็ทำได้จนเกือบสำเร็จ เพราะอย่างน้อยครั้งหนึ่งหุ้น STARK ก็เคยติดอยู่ในกลุ่ม SET100 มาแล้ว
แต่ความ “อิ่ม” อาจจะยังไม่พอ เพราะคราวนี้ผู้อยู่เบื้องหลัง STARK ฝันใหญ่ ต้องการขายหุ้นให้กับ “รัฐวิสาหกิจ” แห่งหนึ่ง จึงมีคำสั่งสูงสุดให้ “ศรัทธา” ปั้นสตอรีแต่งบัญชีครั้งใหญ่ เพื่อให้งบการเงินดูน่าสนใจ หวังตกปลาใหญ่ให้จงได้
แต่เมื่อขึ้นหลังเสือไปแล้ว การจะลงย่อมยาก กระทั่งความมาแตกในท้ายที่สุด เนื่องจากผู้สอบบัญชีเริ่มเอะใจในงบการเงิน นำไปสู่การไม่รับรองงบและเข้าตรวจสอบเชิงลึกในท้ายที่สุด
ประเด็นที่เกิดขึ้นกับ STARK ตามที่ “ศรัทธา” เล่ามาทั้งหมดนี้ น่าจะทำให้หลายคนอดสงสัยแบบดังๆ ไม่ได้ว่า แล้วตลาดทุนไทยยังมีเคสลักษณะนี้อีกมากน้อยแค่ไหน งบการเงินของบริษัทจดทะเบียนไทยยังใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนได้อยู่หรือไม่
...เราเห็นว่าหน่วยงานกำกับดูแลควรต้องถกประเด็นนี้อย่างเข้มข้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ากรณี STARK ได้กัดกร่อนความเชื่อมั่นที่มีต่อตลาดทุนไทยไปเรียบร้อย ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องเร่งวางมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย STARK อีกต่อไป!