บลจ.ไทยพาณิชย์ ชูกลยุทธ์บริหารพอร์ตแบบ Core & Satellites สู้ได้ทุกสภาวะตลาด
บลจ.ไทยพาณิชย์ ดันกลยุทธ์บริหารพอร์ตลงทุนแบบ Core & Satellites สู้ได้ทุกสภาวะตลาด วางเป้าหมายสร้างโอกาสการเติบโตผลตอบแทนระยะยาว ล่าสุด เปิดขายกองทุน SCBGA กองทุนระดับเวิลด์คลาส เสนอขาย IPO 8 - 22 ส.ค. นี้
นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศยังมีการขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เห็นได้จากตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจที่ยังออกมาดีกว่าที่คาด ควบคู่กับเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายเดือนก.ค. ที่ผ่านมา จนปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5.25% - 5.50% ซึ่งสูงสุดในรอบ 22 ปี แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโดยรวมมากนัก
หากมองในมุมของการลงทุนแล้ว บริษัทมองว่ายังสามารถทยอยเข้าสะสมหรือลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงหรือหุ้น ในช่วงรอจังหวะการฟื้นตัวของตลาดหุ้นได้ แม้ยังมีโอกาสเกิดความผันผวนจากปัจจัยความตึงเครียดต่อสถานการณ์ความขัดแย้ง และการแข่งขันทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐ และจีน หรือการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางหลักบางประเทศ
รวมถึงความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่เป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว บริษัทจึงแนะให้มีการกระจายความเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงมองหากลยุทธ์การลงทุนที่สามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุลเหมาะกับทุกสภาวะตลาด เพื่อลดความผันผวนระยะสั้นได้
บริษัทจึงได้ประสานความร่วมมือกับทีมผู้จัดการกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ (“จูเลียส แบร์”) ที่มีความชำนาญการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่ง จูเลียส แบร์ เป็นบริษัทจัดการของสวิตเซอร์แลนด์ที่ดำเนินธุรกิจใน 30 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมการลงทุนมากกว่า 250 Active Funds และ 500 Passive Funds
ล่าสุด จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Allocation หรือ SCBGA สามารถเข้าลงทุนด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ซึ่งจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกระหว่างวันที่ 8-22 สิงหาคม 2566 และสามารถซื้อได้ในทุกช่องทางรวมถึงผู้สนับสนุนการขายทุกราย
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Allocation หรือ SCBGA กองทุน Fund of Funds ประเภทกองทุนผสม มีกลยุทธ์การลงทุนแบบผสมผสานในลักษณะ Core & Satellites ผ่านผู้เชี่ยวชาญระดับโลกบริหาร และกระจายการลงทุน โดยกองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน โดยแบ่งเป็น (1) ลงทุนใน JB Dynamic Asset Allocation Fund เป็นกองทุนหลัก (Core Fund) ซึ่งเป็นกองทุน Flagship ของ Julius Baer ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น และได้รับ Overall Rating 5 ดาวจาก Morningstar ประเภท USD Moderate Allocation (ที่มา: Morningstar ณ 31 พ.ค. 2566) กระจายลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และ/หรือสินทรัพย์ทางเลือก ซึ่งมีสภาพคล่องสูง และรองรับการปรับพอร์ตได้รวดเร็ว จึงมีโอกาสสร้างการเติบโตให้พอร์ตลงทุนได้เหมาะสมตามสภาวะตลาด โดยมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 60-70% ของกองทุน
และ (2) ลงทุนในกองทุนเสริม (Satellite Fund) อีกประมาณ 30-40% ในกองทุนที่คัดเลือกมาจากบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำระดับโลกที่มีธีมการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น กองทุนตราสารหนี้คุณภาพดีที่สอดคล้องกับ Julius Baer house views หรือลงทุนในภูมิภาค เช่น กองทุนหุ้นปันผลในภูมิภาคเอเชีย หรือลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ เช่น กองทุนหุ้นกลุ่ม Defensive Quality / Value ซึ่งมีคุณภาพดี และมีความผันผวนน้อย เป็นต้น เพื่อกระจายความเสี่ยง และเพิ่มสมดุลให้กับพอร์ตลงทุน จึงช่วยลดโอกาสการขาดทุนจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว
“กองทุน SCBGA มีความน่าสนใจ จากที่กองทุนหลัก (Core Fund) มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับกองทุนอื่นในประเภท Global Allocation โดยผลงานพอร์ตลงทุนของกองทุนหลักได้สะท้อนมุมมอง Julius Baer house views ของ Chief Investment Officer และทีมลงทุนที่เชี่ยวชาญ ซึ่งมีกระบวนการลงทุนที่เป็นขั้นตอน และมีการบริหารความเสี่ยงที่เข้มข้นในการคัดเลือกสินทรัพย์ที่หลากหลาย เน้นปรับสัดส่วนสินทรัพย์ที่เข้าลงทุนในพอร์ตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังสร้างความยืดหยุ่นด้วยกองทุนเสริม (Satellite Fund) ที่สามารถปรับพอร์ตให้เหมาะกับแต่ละสภาวะตลาด เพื่อลดโอกาสการขาดทุนจากความผันผวนของตลาดระยะสั้น จึงทำให้กองทุน SCBGA เป็นกองทุนที่สามารถตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงการลงทุนทั้งในระยะสั้น-กลาง รวมถึงต้องการสร้างการเติบโตให้พอร์ตในระยะยาวได้”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์