ศุลกากรปิดฉากนาฬิกาหรูปรับเกณฑ์ป้องกันประมูลสินค้าปลอม
ศุลกากรปิดฉากนาฬิกาหรู ปรับเกณฑ์ป้องกันประมูลสินค้าปลอม ชี้ผู้ประมูลจะต้องตรวจสอบ และรับผิดชอบของกลางที่ประมูลด้วยตัวเองเพื่อป้องกันการโต้แย้งในภายหลัง เดินหน้าฟ้องตัวแทนสิทธิทำเสียชื่อเสีย ด้านตัวแทนสิทธิจากสำนักงานใหญ่ส่งหนังสือขอโทษต่อความผิดพลาด
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากรยืนยัน ไม่เคยนำสินค้าปลอมมาจำหน่ายให้แก่ประชาชน กรณีเกิดการขายทอดตลาดนาฬิกาหรูปลอมนั้น ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เกิดความผิดพลาด ซึ่งเป็นผลจากการที่ตัวแทนสิทธิของนาฬิกาหรูได้ยืนยันว่า นาฬิกาหรูดังกล่าว เป็นของแท้ เมื่อกรมฯ นำขายทอดตลาดแล้ว ทางผู้ซื้อได้ร้องต่อกรมฯว่าเป็นของปลอม ทางกรมฯ ก็ได้ให้ทางตัวแทนสิทธิมายืนยันอีกครั้ง ได้รับแจ้งว่า เป็นของปลอมจริง ทางกรมฯ จึงยกเลิกการขายและคืนเงินทั้งหมดแก่ผู้ซื้อ
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว กรมศุลกากรได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหารือมาตรการบังคับตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา กรณีตัวแทนสิทธิกระทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ และ/หรือบุคคลภายนอกผู้สุจริต เพื่อให้เจ้าของสิทธิหรือตัวแทนสิทธิได้ใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการตรวจสอบสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวในอนาคต
โดยศูนย์ประสานงานทรัพย์สินทางปัญญาได้ประสานตัวแทนของตัวแทนสิทธิในประเทศไทย ได้ความว่าตัวแทนสิทธิมีความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะใช้ความระมัดระวังเพื่อมิให้เกิดความผิดพลาดในการประสานงานระหว่างตัวแทนสิทธิ และกรมศุลกากรอีกในครั้งต่อไป
ขณะเดียวกัน ด้านตัวแทนสิทธิที่เป็นบริษัทสำนักงานใหญ่ ประจำเมืองฮ่องกง มีหนังสือขอโทษต่อเหตุการณ์ดังกล่าวและสอบสวนข้อเท็จจริงภายในได้ความว่า ตัวแทนของบริษัทฯ ที่ประเทศไทยดำเนินการตรวจสอบความผิดพลาดพร้อมแจ้งทบทวนแนวทางปฏิบัติในการตรวจสอบว่า หากมีการตรวจสอบสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าที่มีความคล้ายคลึงกับสินค้าจริงมาก ตัวแทนสิทธิในประเทศไทยจะต้องประสานข้อมูลมาที่บริษัทสำนักงานใหญ่ที่ฮ่องกงเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากเจ้าของเครื่องหมายการค้า และเน้นย้ำถึงความสำคัญในการประสานงานกับกรมศุลกากรที่จะต้องจัดทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีกในอนาคต
“วันนี้ผมตั้งใจมาแถลงปิดประเด็นประมูลนาฬิกาปลอม ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นครั้งแรก และจะเป็นครั้งสุดท้ายของกรมฯ ซึ่งบทเรียนราคาแพง ที่จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก”
เขากล่าวด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุกรณีการทอดตลาดนาฬิกาหรูปลอม กรมฯ ได้ปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการขายทอดตลาดสินค้าของกรม โดยแก้ไขระเบียบในการปฏิบัติงานของกรมศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับการรับ การเก็บรักษา และการจำหน่ายของกลางประเภททรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่าสูง ตามคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากร ที่ 21/2566 เพื่อให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยในขั้นตอนการส่ง-รับของกลาง ให้เพิ่มเติม กำหนดให้มีการระบุเครื่องหมายกำกับของนั้นๆ (Serial No.) อย่างครบถ้วน
ในส่วนของขั้นตอนการตรวจสอบของกลางจะมีการกำหนดขั้นตอนไว้ชัดเจนเช่นกัน ซึ่งจากเดิมกำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้นำส่งของกลางหรือผู้จับกุมจะต้องแจ้งให้เจ้าของสิทธิหรือตัวแทนฯมาทำการตรวจสอบและรับรองว่าเป็นของที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาก่อนและเมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว ให้นำส่งและรับของกลางต่อไป
ส่วนที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้นำส่งของกลางตรวจสอบว่า ของดังกล่าวเป็นของที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่ โดยแจ้งให้เจ้าของสิทธิหรือตัวแทนทำการตรวจสอบ และรับรองให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่จับกุม และหากเจ้าของสิทธิหรือตัวแทนไม่สามารถรับรองได้ภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ผู้นำส่งของกลางจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญซึ่งไม่มีส่วนได้เสียมาตรวจสอบ และรับรองภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งผลจากเจ้าของสิทธิหรือตัวแทนหรือเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 45 วัน ในขั้นตอนการตรวจสอบของเจ้าของสิทธิหรือตัวแทนให้ถือว่าของกลางดังกล่าวเป็นของละเมิด
สำหรับขั้นตอนในการขายทอดตลาด ให้เพิ่มเติมในกรณีของกลางที่มีมูลค่าต่อหน่วยสูง เช่น นาฬิกา กระเป๋า เครื่องเพชร หรือทองรูปพรรณ หากจะทำการขายทอดตลาด จะต้องมีเอกสารแสดงผลการตรวจสอบจากเจ้าของสิทธิหรือตัวแทน ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่น่าเชื่อถือประกอบการพิจารณาก่อนจำหน่ายทุกครั้ง อีกทั้ง กรณีผู้ที่เข้าร่วมประมูลของกลางที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง ก็ได้กำหนดให้ควรมีผู้ที่เชี่ยวชาญหรือผู้ที่น่าเชื่อถือในการตรวจรับมอบก่อน หากไม่มีผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ ทางผู้ประมูลจะต้องเป็นผู้เซ็นต์รับสินค้าด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันปัญหาการร้องเรียนในอนาคต
“สำหรับผู้ที่เข้ามาซื้อสินค้ากับกรมฯนั้น ท่านจะต้องตรวจสอบให้รอบคอบ เราไม่สามารถรับประกันได้ ซึ่งเราก็เขียนไว้ในประกาศไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า ผู้เข้าประมูลจะต้องตรวจสอบสินค้าที่กรมฯนำมาขายตลาดเอง หากกรมฯอนุมัติขายแล้ว จะถือว่า ผู้ชนะการประมูลมีความพอใจและยอมรับในของกลางนั้นๆแล้ว โดยไม่มีการโต้แย้งใดๆในภายหลัง”
สำหรับกรณีดังกล่าว กรมฯได้ดำเนินการขายทอดตลาดของกลางประเภทนาฬิกาหรู จำนวน 13 เรือน เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 ต่อมาพบว่า นาฬิกาดังกล่าวเป็นของละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ของปลอม) กรมศุลกากรได้สืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวแล้ว พบว่า นาฬิกาหรู จำนวน 13 เรือน เป็นนาฬิกาเรือนเดิม ซึ่งกรมศุลกากรได้เก็บรักษาไว้ตั้งแต่วันที่มีการจับกุม โดยอ้างอิงจากหมายเลขกำกับของ (Serial No.) โดยไม่ได้มีการสับเปลี่ยนนาฬิกาหรูดังกล่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขั้นตอนการตรวจสอบของกลางระหว่างตัวแทนสิทธิ และผู้ประสานงานของผู้จับกุมมีขั้นตอนที่เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและสร้างความสับสนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กรมศุลกากรจึงขอเรียงเหตุการณ์ตามลำดับเวลาก่อนหลัง เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและภาคประชาชนรับทราบ ดังนี้
1.วันที่ 24 กรกฎาคม 2565 กรมศุลกากรได้ตรวจยึดนาฬิกาดังกล่าว และได้ประสานงานไปยังตัวแทนสิทธิในประเทศไทย เพื่อดำเนินการตรวจสอบของกลางในคดี คือ นาฬิกาหรู จำนวน 13 เรือน
2.วันที่ 17 สิงหาคม 2565 ตัวแทนสิทธิได้เข้าตรวจสอบของกลาง ณ กรมศุลกากร และต่อมา วันที่ 8 กันยายน 2565 ตัวแทนสิทธิได้แจ้งผลการตรวจสอบเป็นหนังสือต่อกรมศุลกากรว่า นาฬิกาหรูดังกล่าว เป็นของแท้
3.หน่วยงานผู้รับผิดชอบในการจำหน่ายของกลางของกรมศุลกากรได้ตรวจสอบเอกสารของแฟ้มคดีว่ามีความครบถ้วนถูกต้องแล้ว โดยยึดหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบจากตัวแทนสิทธิเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 เป็นเอกสารหลักฐาน และในวันที่ 18 เมษายน 2566 กรมศุลกากรได้อนุมัติให้มีการระงับคดี และดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการขออนุมัติจำหน่ายของกลาง โดยได้ทำการขายทอดตลาดนาฬิกาหรูดังกล่าว ในระหว่างวันที่ 5 – 7 กรกฎาคม 2566 ซึ่งผู้ประมูลได้มาติดต่อชำระเงินค่าของและรับมอบนาฬิกาเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566
4.วันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ผู้ประมูลได้มีความประสงค์ขอคืนของกลางที่ประมูลได้ และแจ้งว่านาฬิกาดังกล่าวเป็นของปลอม กรมศุลกากรจึงประสานตัวแทนสิทธิเพื่อตรวจสอบนาฬิกาที่จะคืนร่วมกัน ที่เป็นนาฬิกาชุดเดียวกันกับที่ตรวจยึด และตัวแทนสิทธิได้ยืนยันเป็นหนังสือ ว่านาฬิกาดังกล่าวเป็นของละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ของปลอม) กรมศุลกากรจึงยกเลิกการขายทอดตลาดนาฬิกาหรูแฟ้มคดีดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งคืนเงินที่ชำระทั้งจำนวน หรือเงินมัดจำให้แก่ผู้ประมูลทั้งหมด
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์