ผวาระเบิดเวลา ‘หุ้นกู้’ วงการจับตากลุ่ม ‘อสังหาฯ - ก่อสร้าง’ ครบดีล ต.ค.อื้อ

ผวาระเบิดเวลา ‘หุ้นกู้’ วงการจับตากลุ่ม ‘อสังหาฯ - ก่อสร้าง’ ครบดีล ต.ค.อื้อ

ตลาดหุ้นกู้ยังเสี่ยง วงการจับตา “หุ้นกู้” เตรียมครบกำหนดชำระปีนี้ หวั่นเป็นระเบิดเวลา กลุ่มอสังหาฯ - ก่อสร้าง - ยานยนต์ หวังทุกภาคส่วนช่วยจำกัดความเสี่ยงป้องโดมิโนเอฟเฟกต์ “สถาบัน” เข้มลงทุน ขอจ่ายผลตอบแทนรายเดือน กลุ่มนอนเรตติ้ง ย้ำลงทุนระดับ A หรือ บิ๊กเนม ปลอดภัยสุด

ดูเหมือนว่าประตูการออกหุ้นกู้ที่ต่ำกว่า Investment Grade จะเริ่มแคบลงเรื่อยๆ เมื่อความเชื่อมั่นนักลงทุนเริ่มหมดไป หลังมีหุ้นกู้จำนวนหนึ่งผิดนัดชำระหนี้ ประเด็นที่นักลงทุนเฝ้าจับตาดูคือ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะมีหุ้นกู้จำนวนมากครบกำหนดชำระ จะมีหุ้นกู้ของบริษัทไหนที่มีปัญหาเพิ่มเติมหรือไม่

แหล่งข่าวในวงการตลาดหุ้นกู้ เปิดเผยว่า หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดภายในปีนี้ยังมีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงจากปัญหาเฉพาะธุรกิจ

ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เช่น ธุรกิจถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจนอาจกระทบต่อสภาพคล่องทางธุรกิจ ทำให้ความสามารถชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดลดลงตามไปด้วย

ผวาระเบิดเวลา ‘หุ้นกู้’ วงการจับตากลุ่ม ‘อสังหาฯ - ก่อสร้าง’ ครบดีล ต.ค.อื้อ

นอกจากนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นกู้ในปัจจุบันซึ่งขาดเสถียรภาพ เพราะความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนลดลง ทำให้การเสนอขายหุ้นกู้ใหม่ๆ หรือการ Roll Over หุ้นกู้เดิมมีความยากลำบากมากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากกรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่สร้างการแพนิกไปทั้งตลาด

“ปัจจุบันตลาดหุ้นกู้หดตัวอย่างชัดเจน การขายหยุดชะงัก กระทบตั้งแต่กลุ่มหุ้นกู้ Non-investment grade หรือ High Yield และเริ่มลามไปยังหุ้นกู้ระดับ Investment Grade ในรุ่นเครดิตBBB-แต่หุ้นกู้ที่มีระดับเรตติ้ง A ขึ้นไป หรือบริษัทบิ๊กเนมประวัติดียังไม่กระทบมากนัก โดยอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รองลงมาเป็นกลุ่มธุรกิจก่อสร้างซึ่งยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการออกหุ้นกู้จำนวนมากด้วย”

แหล่งข่าวกล่าว ด้วยว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีหุ้นกู้ของธุรกิจอสังหาฯที่จะครบกำหนดชำระหลายชุดโดยเฉพาะเดือนต.ค.มีจำนวนมาก อาจเสี่ยงเป็นโดมิโนเอฟเฟกต์จึงยังต้องติดตามดูใกล้ชิดเพราะตลาดเริ่มเซ ทุกคนต้องระวังตัว และการ Roll over หุ้นกู้ไม่ใช่จะสามารถทำได้ทุกคน เพราะความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นกู้ยังไม่กลับมา

สำหรับตลาดหุ้นกู้ของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก หากสภาพคล่องยังหายออกจากระบบต่อเนื่อง จะกระทบธุรกิจใช้หุ้นกู้เป็นเครื่องมือในการระดมทุน ไม่สามารถออกหุ้นกู้ใหม่และ Roll over ต่อได้จากภาวะความไม่มั่นใจผู้ลงทุน มีความต้องการลดลงในการลงทุนหุ้นกู้เสี่ยงสูงผลตอบแทนสูง และสภาพคล่องของเงินลงทุนย้ายไปอยู่ที่ตลาดเงินหรือเงินฝากแทนแม้ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าแต่ความเสี่ยงก็ต่ำกว่า

“หุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระคืนในปีนี้บางตัวอาจเป็นระเบิดเวลา แต่ยังมีเวลาพอที่จะแก้ไข หากทุกภาคส่วนช่วยกันจำกัดความเสี่ยงเพื่อให้กระทบตลาดแค่ระดับหนึ่งไม่เป็นโดมิโน ซึ่งที่ผ่านมาเรามีบทเรียนแล้วในอดีต 3-4 ปีก่อนกรณีปัญหาตั๋วบีอี และหุ้นกู้ไฮยีลด์ ทั้งผู้ลงทุน และตลาดเรียนรู้ร่วมกันมาตลอด ผู้ลงทุนต้องพิจารณาการลงทุนอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้น ส่วนผู้ออก ผู้จัดจำหน่าย และหน่วยงานกำกับดูแล ต้องเข้มข้นมากขึ้นในการคัดกรองหุ้นกู้คุณภาพเข้ามาสู่ตลาด ทุกองค์ประกอบต้องร่วมมือกัน"

สถาบันขอจ่ายยีลด์รายเดือน

ทางด้าน แหล่งข่าววงการ การลงทุนหุ้นกู้ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ลงทุนสถาบัน มีความระมัดระวังในการลงทุนหุ้นกู้ระดับ Non-investment grade อย่างมาก เพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดโอกาสผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ มีการเจรจาขอให้มีการจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนก่อนจะเข้าไปลงทุน

ขณะเดียวพอร์ตลงทุนหุ้นกู้ของผู้ลงทุนรายย่อย แม้ในพอร์ตจะมีหุ้นกู้จำนวนมากแต่ยังค่อนข้างกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันคือ อสังหาฯ ซึ่งแม้ว่าเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่เป็นอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวได้แก่ อสังหาฯ ก่อสร้าง ยานยนต์ การผลิต

นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนตราสารหนี้ของผู้จัดการกองทุน มีความระมัดระวังสูงมากตลอดเวลา เน้นคัดเลือกลงทุนหุ้นกู้คุณภาพ ระดับ Investment Grade ตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป และไม่มีการลงทุนหุ้นกู้ระดับ Non-investment grade มานานแล้ว

“แม้บางช่วงเวลาอาจทำให้กองทุน เสียโอกาสของผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุน แต่จากสถานการณ์ในตลาดหุ้นกู้ปีนี้ ทำให้นักลงทุนเข้าใจ และปลอดภัยในการลงทุนมากขึ้น”

นายพีรพงศ์ ยอมรับว่า การลงทุนหุ้นกู้ ในปัจจุบันต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ในภาวะดอกเบี้ยสูงขึ้น และเศรษฐกิจมหภาคยังไม่ค่อยดีนัก ทำให้มีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ได้

ด้าน นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ทหารไทย กล่าวว่า ในมุมมองความเสี่ยงของหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดปีนี้ ขึ้นกับความสามารถในการชำระคืนของแต่ละบริษัท หากเป็นบริษัทที่มีความหน้าเชื่อถือสูงในระดับ Investment Grade ความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้มักจะต่ำอยู่แล้ว ไม่น่ากลัว

ดังนั้นมองว่าตลาดหุ้นกู้ครบกำหนดในช่วงครึ่งปีหลังยังไม่เป็นระเบิดเวลาสำหรับนักลงทุน จากเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังเติบโตระดับ 3% และในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมยังได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ และภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว ขณะเดียวกันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังค่อยเป็นค่อยไป และตลาดรับข่าวดังกล่าวพอสมควรแล้ว

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า หุ้นกู้ระดับ Non-investment grade อาจเป็นระเบิดเวลาสำหรับนักลงทุนเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นการลงทุนยังต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะปัจจุบันนักลงทุนยังไม่เชื่อมั่นต่อการลงทุนหุ้นกู้กลุ่มนี้

ทางด้านกลยุทธ์การลงทุนตราสารหนี้ของผู้จัดการกองทุน โดยเฉพาะหุ้นกู้เอกชน จะเน้น 2 ส่วน ตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มกับความเสี่ยง และระยะเวลาลงทุนไม่ยาวมากนัก เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางด้านความผันผวนของตลาดตราสารหนี้

อย่างไรก็ตาม การลงทุนบางอุตสาหกรรม แม้เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจ แต่จะพยายามคัดเลือกบริษัทที่มีคุณภาพ และมีกระแสเงินสดที่ดี มีกำไรเติบโตต่อเนื่องสม่ำเสมอ มีความสามารถในการชำระหนี้ไม่สูงหรือต่ำ ต้องนำมาวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนหุ้นกู้ระดับInvestment Grade ตั้งแต่ AAA จนถึง BBB- ในช่วงเวลานี้ปรับการลงทุนเข้มงวดมากขึ้น จาก BBB+ ขึ้นไปปรับจาก BBB- เพราะระดับ BBB- มีความเสี่ยงมากเกินไป โดยเน้นการลงทุนพันธบัตรรัฐบาลมากกว่า และหากหุ้นกู้เอกชน กลุ่มอุตสาหกรรมไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ระดับInvestment Grade คุณภาพดีA ขึ้นไป ค่อนข้างปลอดภัยที่สุด หรือตั้งระดับ BBB+ ขึ้นไปก็ได้ ถ้าจะลงทุนระดับต่ำกว่านี้ต้องระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์