ภาษีที่ควรรู้ เมื่อคุณรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
อาชีพรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นที่สนใจนิยมทำกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น แต่ความจริงแล้วสามารถทำได้จริงหรือไม่ ต้องเสียภาษีอย่างไร ไปไขข้อสงสัยพร้อมกัน
ปัจจุบันต้องยอมรับว่าอาชีพหลักไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของมนุษย์อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นดั่งเงาตามตัว ดังนั้น การหันมาทำอาชีพเสริมจึงเป็นที่สนใจของคนทำมาหากิน ผู้มีรายได้ประจำอย่างมนุษย์เงินเดือน หรือค้าขายที่มีรายได้เพียงช่องทางเดียว
และแน่นอนว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้เกิดอาชีพเสริมขึ้นมากมาย ซึ่งหนึ่งอาชีพที่หลายคนมองว่าทำได้ค่อนข้างง่าย นั่นคือ “การรับแลกเปลี่ยนเงินตรา ตปท.” โดยคนทั่วไปนิยมทำกันอย่างแพร่หลาย แต่ความจริงแล้วสามารถทำได้จริงหรือไม่ ต้องเสียภาษีอย่างไร ไปไขข้อสงสัยพร้อมกัน
- การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คืออะไร
การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการนำเงินบาทไปแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศ ไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น เดินทางท่องเที่ยว การดูงาน การศึกษาต่อ หรือทำธุรกิจซื้อขายสินค้า โดยผู้ที่ต้องการนำเงินบาทไปแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศ จะใช้อัตราที่สถาบันการเงินเป็นผู้ขาย หรือ Selling และในกรณีที่ต้องการนำเงินสกุลต่างประเทศแลกคืนเป็นเงินบาท จะใช้อัตราที่สถาบันการเงินเป็นผู้รับซื้อ หรือ Buying
และที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เราสามารถแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกับสถาบันการเงินที่รับแลกเปลี่ยนเงินตราได้ แต่ก็ยังมีนักเก็งกำไรจากการรับแลกเปลี่ยนเงินตรา เข้ามาประกอบธุรกิจนี้กันอย่างจริงจัง ทั้งบุคคลธรรมดาและในนามนิติบุคคล
แต่ตอนนี้กฎหมายได้กำหนดให้ผู้ที่สามารถทำธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตรา จะต้องจดทะเบียนเป็น "นิติบุคคล" เท่านั้น ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่าบุคคลธรรมดาไม่สามารถรับแลกเปลี่ยนเงินตราจำนวนมากๆ หรือทำในเชิงพาณิชย์ได้รวมถึงเมื่อนิติบุคคลมีรายได้จากการประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตรา ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีด้วยนั่นเอง
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ธรรมชาติของทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล เมื่อมีรายได้ย่อมมีหน้าที่ต้องเสียภาษี ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งถ้าหากเลือกทำธุรกิจนี้จะต้องทำธุรกิจในนามนิติบุคคลเท่านั้น พร้อมกับขออนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราด้วย
และเมื่อมีรายได้หรือกำไรจากการแลกเปลี่ยนเงินตราเข้ามา จะต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด โดยคำนวณรายได้จากค่าอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้คำนวณไว้ในวันทำการสุดท้ายก่อนวันชำระภาษี เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราแลกเปลี่ยนตามความเป็นจริงในวันที่มีการชำระภาษี
หลังจากนั้นนำรายได้มาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามสูตรคือ
(รายได้ – ค่าใช้จ่าย) = กำไรสุทธิ
แล้วนำกำไรสุทธิที่ได้มาคิดภาษีตามอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท + รายได้ทั้งปีไม่เกิน 30 ล้านบาท (หากไม่เข้าเงื่อนไขนี้ให้คิดที่อัตรา 20%) ดังนี้
กำไร 300,000 บาทแรก = ยกเว้นภาษี
กำไร 300,001 – 3 ล้าน = ภาษี 15%
กำไรมากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป = ภาษี 20%
พร้อมทำการยื่นภาษี 2 ครั้ง คือ ภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด.51) สำหรับรอบครึ่งปี โดยต้องยื่นและชำระภาษีภายใน 2 เดือนนับจากวันสุดท้ายของ 6 เดือนแรกของรอบระยะเวลาบัญชี และ ภาษีสิ้นปี (ภ.ง.ด.50) สำหรับรอบสิ้นปี โดยต้องยื่นแบบและชำระภาษีภายใน 150 วันนับจากวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
- ธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตรา จัดอยู่กลุ่มผู้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากเข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ เช่น การให้กู้ยืมเงิน ค้ำประกัน แลกเปลี่ยนเงินตรา ซื้อหรือขายตั๋วเงิน หรือรับส่งเงินไปต่างประเทศด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในความควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย
กิจการในกลุ่มนี้จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตรา 3% โดยผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ จะต้องยื่นแบบคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ภ.ธ.01 ภายใน 30 วันนับแต่วันเริ่มประกอบกิจการ
และถ้าหากธุรกิจใดเข้าข่ายต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ก็จะได้ยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อป้องกันการเก็บภาษีซับซ้อน
โดยให้คำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะจากฐานภาษี ได้แก่ รายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตรา ส่วนลด ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ หรือกำไรก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตราต่างประเทศ คูณด้วยอัตราภาษี และต้องเสียภาษีท้องถิ่นอีก 10% ของภาษีธุรกิจเฉพาะ
จากนั้นนำมายื่น ภ.ธ.40 เสียภาษีรายเดือนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป โดยนำผลต่างจากการซื้อ-ขายมายื่นเฉพาะส่วนที่เป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่หักลบด้วยขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา แต่ถ้าผลรวมปรากฏเป็นขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ให้กิจการยื่น แบบ ภ.ธ.40 เช่นกัน แต่ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
- ธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตรา อย่าลืมเสีย ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นภาษีที่ผู้ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ จะต้องเสียหลังจากจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว โดยกรมสรรพากรมีกำหนดดังนี้
การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย กรณีจ่ายเงินได้พึงประเมินหรือจำหน่ายเงินกำไรเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ ให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จำหน่ายเงินกำไรคำนวณจำนวนภาษีที่ต้องหักและนำส่งกรมสรรพากร
โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้เป็นอัตราแลกเปลี่ยนในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยของวันถัดไป ในกรณีที่จ่ายเงินได้พึงประเมินหรือจำหน่ายเงินกำไรด้วยเช็ค ให้คำนวณจำนวนภาษีที่ต้องหักและนำส่งตามวันที่ที่ลงในเช็ค และให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย
สรุป...ไม่อยากถูกตรวจสอบย้อนหลัง ต้องเสียภาษีให้ถูกต้อง
เมื่อมาถึงบรรทัดนี้อาจสรุปได้ว่า ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นกลุ่มธุรกิจที่สามารถทำได้เฉพาะนิติบุคคลเท่านั้น และมีภาษีที่เกี่ยวข้องหลักๆ อยู่ 3 ภาษี คือ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
นอกจากนี้การประกอบธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ จะต้องขออนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราก่อนดำเนินการ เพื่อให้ธุรกิจเป็นไปอย่างถูกใจ และดำเนินกิจการตามที่กฎหมายกำหนด
----------------------------------
อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting