เวียดนาม คุมทุจริตอสังหาฯ หนัก พบบริษัท Van Thinh Phat ส่อฮุบเงินเฉียด 5 หมื่นล้านบาท

เวียดนาม คุมทุจริตอสังหาฯ หนัก พบบริษัท Van Thinh Phat ส่อฮุบเงินเฉียด 5 หมื่นล้านบาท

หน่วยงานด้านความมั่นคงเวียดนามปราบปรามการทุจริตในภาคอสังหาฯ หนัก ล่าสุดพบ Van Thinh Phat Holdings Group ยักษ์อสังหาฯ เวียดนามส่อเค้าโกงเงินนักลงทุน 30 ล้านล้านดอง หรือ 1.2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4.44 หมื่นล้านบาท)

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ (3 ต.ค.) ว่า ตำรวจเวียดนามอยู่ในช่วงขอความช่วยเหลือจากนักลงทุนในการสอบสวนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Van Thinh Phat Holdings Group

เนื่องแถลงการณ์ของรัฐบาล ระบุว่า บริษัท Van Thinh Phat ฉ้อโกงและแอบใช้เงินจากนักลงทุนแบบผิดวัตถุประสงค์ คิดเป็นมูลค่ารวมมากกว่า 30 ล้านล้านดอง หรือ 1.2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4.44 หมื่นล้านบาท) โดยมีนักลงทุนประมาณ 42,000 รายสูญเงินจากเหตุการณ์ครั้งนี้จำนวนมาก

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว หน่วยงานความมั่นคงเเห่งรัฐ (The Ministry of Public Security) เวียดนาม จับกุมนางเจือง มาย หลั่น (Truong My Lan) ประธานบริษัทดังกล่าวเพราะถูกกล่าวหาว่ารับทรัพย์สินด้วยวิธีฉ้อโกง

โดยการจับกุมนางหลั่น รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของบริษัทอื่นๆ นำไปสู่การดำเนินคดีกับธนาคารไซ่ง่อนพาณิชย์ (SCB) เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานและเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้ โดยนางหลั่นใช้ธนาคาร SCB ของตัวเองเพื่อออกหุ้นกู้เพื่อนำเงินไปใช้ใน Van Thinh Phat ของเธอด้วย 

นอกจากนี้ อีกกรณีหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ย. ตำรวจได้จับกุม หวู ถิ ถุย (Vu Thi Thuy) ประธานและผู้อำนวยการบริษัท Nhat Nam Real Estate Trading Investment JSC ในข้อหายักยอกทรัพย์สินในทางที่ผิด

โดยในครั้งนั้น ตำรวจที่ดูแลคดีระบุว่า บริษัทฯ ฉ้อฉลเงินเกือบ 9 ล้านล้านดองจากนักลงทุน 20,000 รายผ่านสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจมากกว่า 45,000 ฉบับในช่วงปี 2563-2565

ด้าบทวิเคราะห์ของมูดี้ส์ ระบุว่า การสอบสวนนี้เกิดขึ้นเมื่อหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศต้องต่อสู้กับวิกฤติหนี้ด้านอสังหาริมทรัพย์ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยความปั่นป่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ของเวียดนามเพิ่มความเสี่ยงให้กับภาคธนาคาร เนื่องจากภาคส่วนดังกล่าวใช้สินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์จำนวนมากกว่าภาคส่วนอื่น

ขณะที่ บทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า Van Thinh Phat ครอบครองที่ดินชั้นนำ (Prime Location) ในศูนย์กลางการค้าของประเทศอย่างโฮจิมินห์ซิตี้ และก็ลงทุนในบริการทางการเงินในกลุ่มธนาคารพาณิชย์เช่นกัน

ดังนั้นหากเกิดความปั่นป่วนในภาคอสังหาริมทรัพย์และบริษัทดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเวียดนามในวงกว้าง

อ้างอิง

Bloomberg