หลอกลงทุน สูญเงินกว่า 300 ล้าน แฉร้านทองตุ๋นเหยื่อ 30 ราย
ผู้เสียหาย 30 เหยื่อร้านทองฉาว จ.ลำพูน หลอกลงทุนเกร็งกำไร ร้องตำรวจ สอท." ดำเนินคดีฐานฉ้อโกง หลังบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงิน อ้างติดดอย เสียหายกว่า 300 ล้านบาท
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พากลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง ร่วมลงทุนทองคำแท่ง กับร้านทองแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน จำนวนกว่า 30 คน เข้าร้องตำรวจไซเบอร์ หรือ สอท. ช่วยเหลือให้ดำเนินคดีกับเจ้าของร้านทองดังกล่าวหลังประวิงเวลาการจ่ายเงินให้กับผู้เสียหายกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท
นายเอกภพ ระบุว่า เบื้องต้น ร้านทองดังกล่าวมีตัวตนจริง ก่อตั้งและหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่ปี 2564 พฤติการณ์ไม่ต่างกับมิจฉาชีพ โดยจะชักชวนลงทุนซื้อทองแบบเกร็งกำไรล่วงหน้า อวดอ้างจะจ่ายเงินปันผลทุก 30 วัน ในอัตราส่วน 25,000 ต่อ 4,500 บาท ราคาทองคำ และจะได้กำไรขึ้นเรื่อยๆ ตามราคาทองที่สูงขึ้น
แผนการตลาดที่อ้างว่าจะได้กำไรอย่างรวดเร็ว ทำให้มีประชาชนจำนวนมากหลงเชื่อ โดยเฉพาะบางรายลงทุนไปกว่า 2,000 บาททองคำ บางคนถึงขั้นกู้ธนาคาร กู้สหกรณ์ ถึงขั้นยอมกู้เงินนอกระบบเพื่อนำมาร่วมลงทุนด้วย
ด้าน น.ส.เล็ก หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า ลงทุนครั้งแรก มีนาคม 2564 ด้วยทองคำจำนวน 1 บาท และได้รับเงินปันผล เดือนเมษายน 2564 จำนวน 3,000 กว่าบาท ถูกหักค่าธรรมเนียมและค่าฝากไปอีกกว่า 1,000 บาท หลังเห็นว่าได้รับเงินจริง จึงเพิ่มการลงทุนไปเรื่อยๆ กระทั่งยอดเงินลงทุนรวมกว่า 18 ล้านบาท ในเดือนสิงหาคม 2565 ปรากฏว่าทางร้านทอง หยุดจ่ายปันผลกำไร อ้างว่าเงินทองคำที่ทางร้านลงทุนไปติดดอย ไม่สามารถเบิกถอนออกมาขาย นำเงินออกมาปันผลให้กับผู้เสียหายได้ หลังจากนั้น ทางร้านพยายามบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ผู้เสียหายรายเดิม ระบุ ผู้เสียหายมีมากกว่า 100 ราย จึงรวมตัวกันมาแจ้งดำเนินคดี แต่ทางร้านกลับข่มขู่ว่า "ใครแจ้งความ จะไม่คืน" หากต้องการเงินคืนเพราะขาดความเชื่อมั่น ให้ไปลงชื่อไว้ ซึ่งทางเจ้าของร้านอ้างได้ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ซึ่งระบุไว้ว่าจะจ่ายเงินทุนคืนทั้งหมดช่วงกันยายนที่ผ่านมา ดังนั้น หากใครดำเนินคดีก่อนจะถือว่า เป็นการทำลายชื่อเสียงของบริษัท และจะไม่จ่ายเงินคืนแม้แต่บาทเดียว
แต่ปัจจุบัน ผ่านพ้นกำหนดที่ทางร้านระบุไว้ เมื่อทวงถามอีกรอบ ทางร้านยังคงเงียบ ไม่มีคำตอบ จึงต้องมาร้องขอความช่วยเหลือจาก “เพจสายไหมต้องรอด” เพื่อเป็นสื่อกลาง
ด้าน พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผู้บังคับการ สอท. 2 กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ได้สั่งการให้ตนมารับเรื่องทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด และรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนนำไปตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ฉ้อโกงประชาชน หรือเข้าข่ายการชักชวนการลงทุนแชร์ลูกโซ่หรือไม่