‘ราคาน้ำมันดิบโลก’ พุ่ง 4% มาอยู่เหนือ 86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังฮามาสบุกอิสราเอล
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมากกว่า 4% หลังกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) เพิ่มขึ้นเหนือ 86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากเบี้ยประกันความเสี่ยงจากสงคราม (War-risk Premium) กลับคืนสู่ตลาด
"ราคาน้ำมันดิบโลก" พุ่งขึ้นมากกว่า 4% หลังจากที่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ จนทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุปทานน้ำมันเกือบหนึ่งในสามของโลก
โดย ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) เพิ่มขึ้นเหนือ 86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากเบี้ยประกันความเสี่ยงจากสงคราม (War-risk Premium) กลับคืนสู่ตลาด หลังยอดผู้เสียชีวิตรวมกันทะลุ 1,100 ราย ขณะที่การสู้รบดำเนินเข้าสู่วันที่สาม นอกจากนี้สหรัฐยังระบุว่าอยู่ในช่วงส่งเรือรบไปยังภูมิภาคนี้
ส่วน ณ เวลา 7.15 น. ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ Investing.com รายงานว่า Brent Oil Futures ปรับตัวสูงขึ้น 3.71% หรือ 3.15 ดอลลาร์ ไปอยู่ที่ 87.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า เหตุการณ์ล่าสุดในอิสราเอลไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อการจัดหาน้ำมันในทันที แต่มีความเสี่ยงที่ความขัดแย้งอาจลุกลามไปสู่สงครามตัวแทนที่สร้างความเสียหายร้ายแรงยิ่งขึ้น ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับสหรัฐและอิหร่าน
โดยการตอบโต้ที่เป็นไปได้ใดๆ ต่ออิหร่านท่ามกลางรายงานว่าเตหะหร่านมีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีดังกล่าวอาจเป็นอันตรายต่อการผ่านของเรือที่ผ่าน ช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญที่อิหร่านเคยขู่ว่าจะปิด
“กุญแจสำคัญสำหรับตลาดคือความขัดแย้งยังคงอยู่หรือแพร่กระจายไปยังภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย” Brian Martin และ Daniel Hynes นักวิเคราะห์ของ ANZ Group Holdings Ltd. กล่าวในบันทึกแบบย่อ
พร้อมเสริมว่า “อย่างน้อยในตอนแรก ดูเหมือนว่าตลาดจะถือว่าสถานการณ์ยังคงมีขอบเขตจำกัดทั้งในแง่ ระยะเวลา และผลกระทบที่ตามมาต่อราคาน้ำมัน แต่ก็สามารถคาดหวังความผันผวนที่สูงขึ้นได้”
ที่ผ่านมา WTI และเกณฑ์มาตรฐานระดับโลกของ Brent Oil Futures ร่วงลงในเดือนนี้ โดยลดลงประมาณ 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลก่อนการโจมตีอิสราเอล เนื่องจากความกังวลด้านอัตราดอกเบี้ยที่สูงและการชะลอตัวของการเติบโตทำให้แนวโน้มความต้องน้ำมันโลกการลดลง
ที่สำคัญความกลัวเหล่านั้นบดบังภาวะกระทิงที่กระตุ้นให้เกิดการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่สาม เนื่องจากความสมดุลทางกายภาพตึงตัวขึ้นเนื่องจากการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่นำโดยซาอุดีอาระเบียเป็นเวลานาน
อ้างอิง