บลจ.กสิกรไทย เร่งเครื่องจัดตั้งกองทุน ThaiESG คาดเปิดขายธ.ค.นี้
บลจ.กสิกรไทย ขานรับยุทธศาสตร์กระทรวงการคลัง พร้อมจัดตั้ง ThaiESG Fund หวังกระตุ้นหุ้นไทยให้โตยั่งยืน คาดเปิดขายธ.ค. นี้ มองหุ้น ESG แนวโน้มดีมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก สร้างผลตอบแทนผู้ลงทุนระยะยาวอย่างยั่งยืน
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลังเตรียมออกกองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ ภายใต้ชื่อ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน(ThaiESG) เพื่อสนับสนุนการออมระยะยาว และส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีการดำเนินงานตามหลัก ESG โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดีนั้น บลจ.กสิกรไทย มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งกองทุน ThaiESG เพื่อมุ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ลงทุน และสร้างความยั่งยืนให้กับตลาดทุนโดยรวมในระยะยาว โดยคาดว่าจะพร้อมเสนอขายภายในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้
“ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย ได้ให้ความสำคัญต่อประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลมาอย่างต่อเนื่อง และมีการจัดทำนโยบายสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG Policy) มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2556โดยได้นำนโยบายและหลักการไปปรับใช้ในทุกขั้นตอนของการบริหารจัดการกองทุน ตั้งแต่การวิเคราะห์ คัดเลือก และประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ รวมถึงได้จัดตั้งกองทุนหุ้น ESG ทั้งที่ลงทุนสินทรัพย์ในไทยและต่างประเทศจำนวนหลายกองทุนด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น กองทุน K-SUSTAIN-UI, K-PLANET และ KTHAICGRMF ซึ่งเป็นกองทุนแรกในอุตสาหกรรมที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ให้เป็นกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) ที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ ESG Integration รวมถึงล่าสุด กองทุน K-CHANGE ซึ่งมีกลยุทธ์มุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านบวกต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับความเห็นชอบให้เป็นSRI Fund เพิ่มเติมไปเมื่อเร็วๆ นี้"
นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังเป็นบลจ.แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้เข้าร่วมลงนาม Principles for Responsible Investment หรือ PRI Signatory ตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 ซึ่งเป็นหลักการลงทุนที่รับผิดชอบในระดับสากลที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ (United Nations) รวมถึงมีการจัดทำรายงาน Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) หรือรายงานการเปิดเผยข้อมูลการกำกับดูแลขององค์กรเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ” นางสาวธิดาศิริกล่าว
นางสาวธิดาศิริกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกองทุน ThaiESG กำหนดให้มีระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุน 8 ปีนับจากวันที่ซื้อ และสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท อย่างไรก็ดี การตั้งกองทุน ThaiESG เป็นการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาเพิ่มเติม ทำให้ปีนี้ผู้ลงทุนได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมอีก 1 แสนบาท จากเดิมที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) และกองทุน SSF (กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว) ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีรวมกันได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท (นับรวมกองทุนกลุ่มเพื่อการเกษียณทั้งหมด เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ) จึงคาดว่าจะสร้างเม็ดเงินให้ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้อีกกว่าหมื่นล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้
“โลกไม่ได้มีความต้องการเรามากเท่ากับที่เราต้องการโลก” ดังนั้นถ้าเรารักตัวเอง อยากเห็นโลกใบนี้เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ สังคมแห่งการแบ่งปันโอกาส และการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม เพื่อส่งต่อให้กับลูกหลานของเราในวันข้างหน้า วันนี้เราจึงควรต้องหันมารักษ์โลก ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ขอชวนผู้ลงทุนร่วมส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับรับโอกาสทำกำไรจากการลงทุนในหุ้นของธุรกิจเหล่านี้ โดยคาดว่ากองทุน ThaiESG จากกสิกรไทย จะขายผ่านทุกช่องทางของธนาคารกสิกรไทยและผู้แทนสนับสนุนการขาย เริ่มต้นเพียง 500 บาท