ดอกเบี้ยสูงนาน ลงทุนอะไรดี
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางทั่วโลกได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยธนาคารกลางของประเทศในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและประเทศตลาดเกิดใหม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยโดยเฉลี่ย จำนวน 4.00% และ 6.50% ตามลำดับ
ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงขึ้นจากระดับต่ำใกล้ 0% ในหลายประเทศ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายทำระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเช่นเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 2.00% สู่ระดับ 2.50% ต่อปี ทำระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่กรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับสูงไปอีกสักระยะหนึ่ง
อัตราดอกเบี้ยที่ถูกปรับขึ้นมาและเป็นไปได้ว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงระยะเวลาหนึ่ง จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจผ่านช่องทางดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ช่องทางสินเชื่อ ช่องทางราคาสินทรัพย์ ช่องทางอัตราแลกเปลี่ยน และช่องทางการคาดการณ์ ในฐานะนักลงทุน การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นหรือลดลง ย่อมมีผลกระทบต่อสินทรัพย์ลงทุน
ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องเตรียมแผนการลงทุนและปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม โดยการกระจายเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน (Financial Assets) หรือหลักทรัพย์ (Securities) หลายประเภทที่แตกต่างกันเพื่อกระจายความเสี่ยงให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ ซึ่งในภาวะที่ดอกเบี้ยสูงมีสินทรัพย์ลงทุนเพียงไม่กี่ประเภทที่เป็นทางเลือกในการลงทุน นอกเหนือไปจากการฝากเงินในธนาคารหรือกองทุนการเงิน ดังนี้
ตราสารหนี้ เป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคาร หากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน การลงทุนในตราสารหนี้จึงเป็นทางเลือกหนึ่ง โดยเน้นการลงทุนไปยังตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยาว สามารถลงทุนได้ทั้งในกลุ่มตราสารหนี้รัฐบาลและตราสารหนี้เอกสาร (หุ้นกู้) สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น อาจพิจารณาลงทุนในในหุ้นกู้เอกชน เนื่องจากให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล โดยเลือกลงทุนในหุ้นกู้เอกชนที่บริษัทคุณภาพดี มีเครดิตเรทติ้งดี ผลประกอบการแข็งแกร่ง เพราะถ้าเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง โอกาสของการผิดนัดชำระหนี้จะต่ำ
ตราสารทุน (หุ้น) เป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้สูงขึ้น ต้องเข้าใจก่อนว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลต่อการประเมินมูลค่าหุ้น เพราะต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจะทำให้ผลกำไรของบริษัทลดลง ดังนั้น จึงต้องเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยน้อย หรืองบการเงินมีสภาพคล่องเพื่อให้สามารถทนต่อสภาวะดอกเบี้ยสูงได้ ซึ่งมีหุ้นประเภทหนึ่งที่เรียกว่าหุ้นคุณค่า (Value Stocks) เป็นทางเลือกในภาวะเช่นนี้ เพราะหุ้นคุณค่ามีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ธุรกิจ มีความมั่นคง รายได้เติบโตสม่ำเสมอ และมีความสามารถในการทำกำไรดี
แม้ว่าสินทรัพย์ลงทุนดังกล่าวจะเป็นทางเลือกของการลงทุนในช่วงที่ดอกเบี้ยทรงตัวในระดับสูงยาวนาน แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่กระทบต่อการลงทุน โดยเฉพาะในสภาวะที่มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น ได้แก่ ความตึงเครียดเชิง ภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจที่อาจจะชะลอตัวลงรุนแรง เป็นต้น ดังนั้น นักลงทุนจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดและทำความเข้าใจความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์นั้นๆ ติดตามสภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนผ่านบริษัทจัดการกองทุนที่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการลงทุน โดยขอคำแนะนำผ่านผู้แนะนำการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน