ธปท. เล็งเปิดกว้างให้ใช้ประโยชน์ข้อมูลตามสิทธิผู้ใช้บริการ ครึ่งหลังปี67
ธปท. เล็งเปิดกว้างให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลตามสิทธิผู้ใช้บริการ ครึ่งหลังปี67 เริ่มจากภาคการเงิน “เงินฝาก -บริการรวบรวมข้อมูล“ พร้อมต่อยอดข้อมูลส่วนอื่น ค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าโทรศัพท์-ประกัน-ลงทุน ต่อยอดบริการระดับประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างเฮียริ่งถึงสิ้นปี66
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกแนวนโยบายภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทยเพื่อเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืน (แนวนโยบาย Financial Landscape) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา นั้น ภายใต้ทิศทางด้านการเงินดิจิทัล
ธปท. มุ่งหวังให้ภาคการเงินสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและข้อมูลในการพัฒนานวัตกรรมและบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้ดีขึ้นและมีความรับผิดชอบต่อสังคม (responsible innovation)
โดยยึด 3 หลักการสำคัญ ได้แก่ 1.เปิดกว้างให้ผู้ให้บริการกลุ่มต่าง ๆ เข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินด้วยต้นทุนที่เหมาะสมและเป็นธรรม (Open Infrastructure) 2.เปิดกว้างให้มีการใช้ประโยชน์จากข้อมูล (Open Data) และ3.เปิดกว้างในการแข่งขันให้ผู้เล่นทั้งรายเดิมและรายใหม่ (Open Competition)
ซึ่งที่ผ่านมามีความคืบหน้าหลายเรื่อง เช่น การเชื่อมโยงระบบชำระเงินระหว่างประเทศผ่าน QR payment กับ 6 ประเทศในอาเซียน การทดสอบการโอนเงินระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางในระดับสถาบันการเงิน (Wholesale CBDC) และการออกร่างหลักเกณฑ์ให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (virtual bank)
ทั้งนี้ ภายใต้หลักการดังกล่าว หนึ่งในทิศทางสำคัญที่ ธปท. จะผลักดันในระยะต่อไป คือ การเปิดกว้าง ให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลตามสิทธิของผู้ใช้บริการ (Open Data for Consumer Empowerment) โดยสร้างกลไกที่เอื้อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิส่งข้อมูลของตนที่มีอยู่กับผู้ให้บริการหรือหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสมัครหรือใช้บริการกับผู้เล่นรายอื่นได้สะดวกและปลอดภัย และผู้ให้บริการสามารถเข้าถึงข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่สำคัญ ด้วยการเชื่อมต่อและกระบวนการที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อนและต้นทุนการดำเนินการ เอื้อให้เกิดการพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการกลุ่มต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
ในการนี้ ธปท. จึงได้จัดทำเอกสารรับฟังความคิดเห็น (consultation paper) เรื่องแนวนโยบายการสร้างกลไกให้เกิด Open Data for Consumer Empowerment ในภาคการเงินที่ ธปท. สามารถดำเนินการได้ภายใต้กรอบกฎหมายปัจจุบัน และพร้อมต่อยอดในระดับประเทศ โดยมีทิศทางการดำเนินการดังนี้
(1) ออกเกณฑ์ กำหนดข้อตกลง และสร้างแรงจูงใจ (regulations and incentives) โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้กำกับของ ธปท. มีกลไกที่เอื้อให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้สิทธิในการเรียกใช้หรือส่งข้อมูลของตนระหว่างผู้ให้บริการในภาคการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลได้สะดวกและปลอดภัย และพิจารณาเปิดให้ผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้กำกับของ ธปท. ให้บริการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ตามความยินยอมของลูกค้าเพื่อนำไปพัฒนาบริการใหม่ ๆ มานำเสนอลูกค้า รวมทั้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนากลไกในลักษณะเดียวกันเพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างภาคส่วนอื่นกับภาคการเงิน
(2) กำหนดมาตรฐานกลางในการเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการ (common standard) ผ่านช่องทางดิจิทัล รวมถึงมีการขึ้นทะเบียนและตรวจสอบผู้ให้บริการที่จะเข้าร่วมโครงการให้มั่นใจว่าสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานกลางที่กำหนดได้ เพื่อให้การเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลมีความปลอดภัยและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ช่วยลดต้นทุนและความซ้ำซ้อนในการพัฒนามาตรฐาน
(3) พิจารณาประโยชน์และความจำเป็นในการมีโครงสร้างพื้นฐานกลางหรือกระบวนการมาตรฐานที่ใช้ร่วมกัน (common infrastructure/shared service) เพื่อให้ผู้ให้บริการสามารถเชื่อมต่อหรือใช้บริการจากโครงสร้างพื้นฐานสำคัญหลายที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น มีกระบวนการการพิสูจน์ยืนยันตัวตนลูกค้านิติบุคคลผ่านช่องทางดิจิทัลที่เป็นมาตรฐานและใช้ในการเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ได้ เช่น ระบบชำระเงิน
นางสาววิภาวิน พรหมบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เปิดรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะ ต่อแนวนโยบายการเปิดกว้างให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลตามสิทธิของผู้ใช้บริการ (Open Data for Consumer Empowerment) ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.-31 ธ.ค.2566 หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาข้อเสนอแนะเพิ่มเติมและประสานกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องออกกฎเกณฑ์มาตรฐานกลาง
คาดว่าจะเริ่มเชื่อมต่อและเปิดการรับส่งข้อมูลดังกล่าวได้ใช้ ช่วงครึ่งปีหลังปี2567 เริ่มต้นจากข้อมูลในส่วนการกำกับดูแลแบงก์ ได้แก่ เงินฝาก ก่อนขยายไปยังการใช้จ่ายบัตรเครดิต และในส่วนอื่นๆ เช่น การใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ นอกจากนี้ ในระยะถัดไป เชื่อมการรับส่งข้อมูล ด้านประกันและการลงทุน อยู่ระหว่างการหารือกับ คปภ.และก.ล.ต. ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อธปท. เริ่มเปิดให้รับส่งข้อมูลดังกล่าวแล้ว ทาง ธปท.จะเปิดรับสมัครผู้ให้บริการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ตามความยินยอมของลูกค้า ซึ่งผู้ที่จะให้บริการดังกล่าวได้ต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดและขึ้นทะเบียนได้รับอนุญาตให้บริการกับธปท.ก่อน
"ผู้ให้บริการรวบรวมข้อมูลในช่วงแรก คาดว่าคงเริ่มจาก ภาคการเงินส่วนที่อยู่ภายใต้การกำกับของธปท.ก่อน คือ แบงก์ และขยายไปยังนอนแบงก์ และรายอื่นอยู่นอกแบงก์ เช่น ประกันและบริษัทหลักทรัพย์ ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ที่มีความพร้อมและผ่านเกณฑ์ขึ้นทะเบียนตามที่ ธปท.กำหนดก่อน"