ตราสารหนี้สหรัฐฯ ผลตอบแทนที่มีเสน่ห์
บลจ.ดาโอ ประเมินว่าการประชุมเฟด 12-13 ธ.ค.66 ครั้งสุดท้ายปีนี้มีโอกาสสูงคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% – 5.5% จากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญส่งสัญญาณชะลอตัวลง เช่น ดัชนี PCE และดัชนี Core PCE ในเดือนตุลาคมขยายตัว 3% และ 3.5% ตามลำดับเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Fund Rate) เพื่อช่วยลดความร้อนแรงของอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวในระดับที่สูงในรอบกว่า 15 ปี รูปแบบของเส้นอัตราผลตอบแทนเป็นแบบ Inverted Yield Curve คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุสั้นสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุยาว เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ถึงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะเกิดในอนาคต
จากการสำรวจของ Bloomberg ในเดือนพฤศจิกายน Bond Yield อายุ 3 เดือน 2 ปี และ10ปี เมื่อสิ้นปี 2566 จะอยู่ที่ระดับ 5.39% 4.95% และ 4.54% ในขณะที่สิ้นปี 2567 จะอยู่ที่ระดับ 4.44% 3.79% และ 3.91% ตามลำดับ โดยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่าเฟดควรจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง และอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหากยังไม่บรรลุ
เป้าหมายควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งแสดงถึงความกังวลว่าเงินเฟ้อยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐได้แสดงความเห็นว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินยังคงมีแผนที่จะ คงนโยบายที่แบบตึงตัวจนกว่าจะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อปรับลดสู่เป้าหมาย 2% อย่างมั่นคง ท่ามกลางความคาดหวังของนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงในปีหน้า
บลจ.ดาโอ ประเมินว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 12-13 ธ.ค.66 ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้มีโอกาสสูงที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25% – 5.5% จากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญส่งสัญญาณชะลอตัวลง เช่น ดัชนี PCE และดัชนี Core PCE ในเดือนตุลาคมขยายตัว 3% และ 3.5% ตามลำดับเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ ก.ค. 64 แสดงถึงเงินเฟ้อขยายตัวในอัตราที่ลดลง JOLTS Job openings ก็ส่งสัญญาณขยายตัวลดลงเช่นกันโดยในเดือนตุลาคมตัวเลขการเปิดรับสมัครงานลดลงสู่ระดับ 8.7 ล้านตำแหน่งลดลง 1.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 12 เดือนแสดงถึงตลาดแรงงานเริ่มตึงตัวน้อยลง
และหากผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยยังมีแรงส่งให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว คาดการณ์ว่าในปี 2567 มีโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยคาดการณ์จาก CME FEDWATCH TOOL บ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. 67 และสิ้นปีดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับ 4% - 4.25% ส่งผลให้เริ่มเห็นการปรับลดลงของ Bond Yield อายุกลางถึงยาว ในขณะที่ Bond Yield อายุสั้นยังทรงตัวในระดับสูงตาม Fed Fund Rate
การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากหรือพันธบัตรรัฐบาลไทย กระจายการลงทุนช่วยลดความเสี่ยงในภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวนและกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ปรับลดลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น อีกทั้ง Bond Yield ระยะสั้นยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้การลงทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน หากมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอาจทำให้ผลตอบลดลงเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ไม่ป้องกันความเสี่ยง
ในปี 2567 เชื่อว่าเป็นอีกปีที่ท้าทายการลงทุนอยู่ไม่น้อยแล้ว การลงทุนจึงต้องติดตามข่าวสารให้มากและพร้อมปรับกลยุทธ์อยู่เสมอ ควรมีที่ปรึกษาการลงทุนที่ดีเพื่อคอยให้คำแนะนำการลงทุน