เลขา คปภ. คนใหม่ ย้ำสินมั่นคงยังไม่ปิด เปิดรับเคลมปกติ

เลขา คปภ. คนใหม่ ย้ำสินมั่นคงยังไม่ปิด เปิดรับเคลมปกติ

เลขา คปภ ชี้ ธุรกิจประกันฟื้นแล้วปี 66 เติบโตสูงกว่าจีดีพีสองเท่าตัว ตั้งเป้าปี 69 เบี้ย 1 ล้านล้าน ประกันอีวีสุขภาพชูโรง ด้านสินมั่นคงย้ำยังไม่ปิด เปิดรับเคลมปกติ

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจประกันภัยในปี 66  มีการขยายตัวเฉลี่ยราว 4.5 % สูงกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจ 2 เท่าตัว มีเบี้ยรับรวม 8.9-9.2 แสนล้านบาท  มีกำไรสุทธิของธุรกิจประกันชีวิต อยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ธุรกิจประกันวินาศภัย อยู่ที่ 1.44 หมื่นล้านบาท และคาดภายในปี 69-70 เบี้ยประกันรวมจะสูงถึง 1 ล้านล้านบาท  โดยมีประกันภัยสุขภาพและประกันภัยรถยนต์อีวีเป็นตัวชูโรง

“ในช่วง 2 -3 ปีที่ผ่านมา ที่ธุรกิจประกันภัย ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิดค่อนข้างรุนแรง จนกระทั่งมี 4 บริษัทประกันวินาศภัยต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาต แต่ในวันนี้ธุรกิจประกันภัยได้ฟื้นกลับคืนมาแล้ว ซึ่งบางบริษัทประกันภัย มีกำไรแตะระดับพันล้านบาท ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าธุรกิจนี้มีการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว”

นายชูฉัตรกล่าวว่า ผลกระทบจาก โควิดช่วงที่ผ่านมาทำให้ คปภ.ต้องยกเครื่อง การกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยครั้งใหญ่ อาทิ ระบบแจ้งเตือนที่เข้มข้น  โดยอาจจะต้องมีการปรับระดับเงินสำรอง กรณีบริษัทประกันภัยเริ่มมีปัญหา ซึ่งจะดำเนินการเฉพาะกับบริษัทที่มีการดำรงเงินกองทุนที่ไม่มั่นคงเพียงพอ

สำหรับกรณีบริษัทสินมั่นคงประกันภัย ที่ประสบปัญหาทางการเงินจากการประกันภัย เจอ จ่าย จบ ในช่วงโควิดนั้น ขณะนี้ บริษัทสินมั่นคง อยู่ในขั้นตอนของการใช้มาตรา 52 ของกฎหมายประกันภัย ที่ให้ คปภ.เข้าควบคุมกิจการ และให้หยุดรับประกันภัยใหม่ชั่วคราว แต่ประชาชนยังสามารถยื่นเรื่องของเคลมประกันจากบริษัทได้ตามปกติ 
 

และขอย้ำว่า คปภ.ยังไม่ได้ดำเนินการตามมาตรา 59 กับบริษัท ซึ่งหมายถึงการเพิกถอนใบอนุญาต เพื่อให้บริษัทมีเวลาปรับตัวเพื่อแก้ไขปัญหาเงินกองทุน ให้ครบถ้วนตามกฎหมาย

สำหรับการจ่ายเคลมผู้ซื้อประภัยโควิดประเภท เจอ จ่าย จบ ของ 4 บริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต นั้น กองทุนประกันวินาศภัย ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลชำระหนี้คืนให้กับผู้ขอเคลมประกัน ระบุว่า ปัจจุบันมี เจ้าหนี้ (คนขอเคลมประกัน) กับบริษัทดังกล่าวรวม 6 แสนราย ซึ่งหากดำเนินการตามปกติ คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการจ่ายให้ครบจนคนสุดท้ายภายใน 60 ปี ซึ่งทางกองทุนกำลังหาแนวทางในการเร่งรัดการจ่ายให้เร็วกว่านี้