บลจ.ดาโอ จ่อเข็นกองทุนใหม่ หุ้นอินเดีย - ญี่ปุ่น ดัน AUM แตะหมื่นล้านใน 3 ปี 

บลจ.ดาโอ จ่อเข็นกองทุนใหม่ หุ้นอินเดีย - ญี่ปุ่น  ดัน AUM แตะหมื่นล้านใน 3 ปี 

บลจ.ดาโอ เปิดแผนปี 67 เสริมแกร่งกองทุนต่างประเทศ  ปั้นกองใหม่หุ้นอินเดีย - ญี่ปุ่น ยีลด์โตเด่น เจาะนักลงทุนใหม่ - ลูกค้าบุคคลปรับแผนลดผลกระทบเก็บภาษีลงทุนนอก ดันเอยูเอ็มตั้งเป้าโตปีละ 20% แตะ 1 หมื่นล้านใน 3 ปี  พร้อมมองดัชนีหุ้นไทยแตะระดับ 1,300 จุด เป็นโอกาสทยอยสะสม

นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ดาโอ จำกัด เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2567 บริษัทเสริมแกร่งกองทุนรวมให้ครบสินทรัพย์การลงทุนมากขึ้นซึ่งปัจจุบันบริษัทยังขาดกองทุนรวม ในตลาดหุ้นอินเดียและตลาดหุ้นญี่ปุ่น ล่าสุด เตรียมเปิดขายกองทุนรวมหุ้นอินเดียในเดือนก.พ.นี้  มูลค่าโครงการเบื้องต้น100 ล้านบาท มีนโยบายการลงทุนแบบ Active เน้นลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี 

ตลาดหุ้นอินเดียมีหุ้นเทคฯ จำนวนมาก ที่สำคัญอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น(ROE)หุ้นอินเดีย อยู่ในระดับสูงมากของโลกเฉลี่ยที่ 20% และยังมีปัจจัยบวกในประเทศ และการเมืองของอินเดียที่ค่อนข้างดี”

พร้อมกับนำกองทุนรวมที่มีอยู่ และสามารถสร้างผลตอบแทนดีนำมาเสนอแนะนักลงทุนใหม่ พร้อมกับปรับแผนการลงทุนของกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคลสู่กองทุนรวมเพื่อสร้างผลตอบแทนเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ผลตอบแทนโดยรวมเติบโตได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนหน้าที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง14% 


ดังนั้น หลังจากพอร์ตลงทุนของนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีการลงทุนต่างประเทศที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)ปีนี้สามารถเติบโตได้กว่า 6,000 ล้านบาทแล้ว จากสิ้นปี 2566 ที่มี AUM อยู่ที่ 5,600 ล้านบาท 

โดยในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมาย AUM เติบโต 20% หรือ 6,720 ล้านบาท จากปี 2566 และคาดว่าแตะที่ระดับ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี เฉลี่ยเติบโตปีละ 20% มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ 

นางสาวนิสารัตน์ ชมภูพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจัดการลงทุน บลจ.ดาโอ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย มองว่า ยังมีความผันผวนต่อเนื่อง ประกอบกับผลกำไรของธุรกิจจดทะเบียน(บจ.)ออกมาไม่ค่อยดี ให้แนวรับ1,200 จุด แต่ยังหวังว่าจะไม่หลุดที่ระดับ 1,300 จุด  และแนวต้าน 1,500-1,550 จุด ในสิ้นปีนี้ 


อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวลงมา แตะระดับ 1,300 จุด มองบริเวณนี้เป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นที่มีแนวโน้มดีจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นหลัก  ได้แก่ หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ, หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่มีโอกาสเติบโตไปถึงปี 2568 กลุ่มการแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ กลุ่มนี้จะได้รับอานิสงส์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยว และหุ้นกลุ่มอาหาร ส่วนหุ้นกลุ่มที่ควรเลี่ยง คือ กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มพลังงาน


"มองตลาดหุ้นไทยในปีนี้ยังผันผวนต่อ โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรกสถานการณ์ไม่ดีนัก แต่จะกลับมาดีในช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยนโยบายภาครัฐเห็นมากขึ้น  โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบประมาณ น่าจะเริ่มเบิกจ่าย ในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปีนี้ ส่งผลดีต่อหุ้นไทย”  
 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์