DBS รุกแพลตฟอร์มเอไอ โอกาสรายย่อยไทยลงทุนนอก

DBS รุกแพลตฟอร์มเอไอ  โอกาสรายย่อยไทยลงทุนนอก

“ดีบีเอส” รุกแพลตฟอร์ม “เอไอ” ในไทยครึ่งหลังปี 67 ตั้งเป้าดัน “เอยูเอ็ม” ภายใน 2 ปี เติบโต “3 เท่าตัว” จากปีก่อนที่ “แสนล้าน” ชี้ตลาดไทยศักยภาพสูง มองตลท. ยกระดับมาตรกาารคุมเข้มช่วยสร้างความเสนอภาค-โปร่งใส 

นายซิม ลิม ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซิเคียวริตี้ส์ โฮลดิ้งส์ และที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท ดีบีเอส กรุ๊ป  เปิดเผยว่า  บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และศักยภาพของตลาดประเทศไทยมีโอกาสให้กลุ่มนักลงทุนรายย่อยบุคคลไทยเข้าถึงการลงทุนตลาดต่างประเทศ พร้อมรับการเกษียณยั่งยืน-เพิ่มความมั่งคั่ง

โดยวางกลยุทธ์ในไทยครึ่งหลังปี 2567 นำเสนอบริการให้คำแนะนำลงทุนที่ผสมผสานระหว่างบริการโดยผู้เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยี หรือ Robo Advisor ภายใต้ชื่อ DBS digit portfolio และบริการซื้อขายกองทุนรวม รวมถึงบริการการลงทุนแบบสม่ำเสมอเน้นผลตอบแทนระยะยาว  

 แม้สถานการณ์ปี 2566 ได้สั่นคลอนความมั่นใจนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงได้ออกกลยุทธ์ระยะ 3 ปี (2567-2569) เพื่อเรียกความมั่นใจจากนักลงทุนทำให้การลงทุนเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและส่งเสริมให้คนมีความเข้าใจเรื่องการเงินมากขึ้น

ขณะเดียวกันการที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมออกมาตรการคุมเข้ม Naked ShortSell - Program Trading มองช่วยทำให้การแข่งขันในตลาดเกิดความเสมอภาค และมีความโปร่งใสในการส่งคำสั่งซื้อขายซึ่งต้องรอติดตามในรายละเอียดก่อน ทั้งนี้หากมี Naked Short Sell มูลค่าสูง มักจะเกิดจากผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศขนาดใหญ่ มากกว่ารายย่อย ดังนั้น อยู่ที่ภาครัฐจะเข้ามาควบคุม

อีกทั้ง แพลตฟอร์ม Robo Advisor ของบริษัทไม่มีปัญหา เพราะไม่ใช่ Program Trading  และ High Frequency Trading (HFT) แต่เป็นแพลตฟอร์มให้คำแนะนำด้านการเงินและการลงทุนด้วย AI ที่เข้ามาช่วยเปิดโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุนรายย่อยเข้าถึงการลงทุนในต่างประเทศ จึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ ตามแผนกลยุทธ์ดังกล่าาบริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของบริษัทหลักทรัพย์  (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เพิ่มขึ้น 3 เท่า ใน 1-2 ปีข้างหน้า จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 100,000 ล้านบาท