Xendit สตาร์ทอัพยูนิคอร์น บุกตลาดไทย เปิดบริการ ชำระเงินดิจิทัลครบวงจร

Xendit สตาร์ทอัพยูนิคอร์น บุกตลาดไทย เปิดบริการ ชำระเงินดิจิทัลครบวงจร

Xendit สตาร์ทอัพยูนิคอร์น บุกตลาดไทย เปิดให้บริการโซลูชันชำระเงินดิจิทัลครบวงจร พร้อมช่วยยกระดับศักยภาพการเติบโตเศรษฐกิจดิจิทัลไทย

เศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) กำลังเป็นที่จับตามองจากนักลงทุนทั่วโลก หลังมีเเนวโน้มเติบโตสดใสต่อเนื่อง ซึ่งมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 27% มาตั้งแต่ปี 2021 ด้วยหลายปัจจัยสนับสนุน ทั้งการขยายตัวของผู้บริโภคดิจิทัล การขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ๆ ความนิยมของอีคอมเมิร์ซ เเละการเติบโตของการเงินดิจิทัล

​จากรายงาน e-Conomy SEA Report 2023 โดยความร่วมมือของ Google, Temasek และบริษัทที่ปรึกษา Bain & Company สำรวจกลุ่มเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) 6 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ระบุว่า รายได้จากเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) ในปี 2023 อยู่ที่ราว 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แบ่งเป็นสัดส่วน 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากธุรกิจคอมเมิร์ซ (E-commerce) การท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel) การขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์​ (Transport & Food Delivery) และสื่อออนไลน์ (Online Media) ขณะที่อีกกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากบริการด้านการเงินดิจิทัล (Digital Financial Services) ซึ่งมีการเติบโตอย่างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านการลงทุน การบริหารความมั่งคั่ง สินเชื่อ การชำระเงิน ประกันภัยและอื่นๆ  

ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของการชำระเงินดิจิทัลในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายและเป็นโอกาสของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย ที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการการแข่งขันทางเทคโนโลยีและสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย และคาดการณ์ว่าในปี 2030 จะเติบโตได้ถึงระดับ 100,000 – 165,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ Xendit สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น ดาวรุ่งด้านการชำระเงินระหว่างธุรกิจแบบ B2B เจ้าเเรกในอินโดนีเซีย เดินหน้ากลยุทธ์ขยายการเติบโตสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA)อย่างต่อเนื่อง พร้อมความมุ่งมั่นที่จะช่วยส่งเสริมโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย ผ่านการนำเสนอบริการโซลูชันที่เหมาะสมกับตลาดและความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน

นายโมเสส โล (Moses Lo) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Xendit กล่าวว่า “ Xendit เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินที่มีรากฐานแข็งแกร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งให้บริการโซลูชันทางการเงินแก่ธุรกิจต่างๆ

ตั้งแต่ SMEs ขนาดเล็กไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้ขั้นตอนในการชำระเงินสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยเป็นผู้จัดหาระบบพื้นฐานทางการชำระเงินที่ปลอดภัยและง่ายต่อการทำงานร่วมกันกับลูกค้า พร้อมทั้งมีทีมงานมืออาชีพที่คอยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้รับบริการที่ดีที่สุด

ภายหลังจากการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2015  Xendit ได้รับความเชื่อมั่นจากธุรกิจต่างๆ ในอินโดนีเซียและรัฐบาล โดยได้เป็นผู้ดูแลโซลูชันทางการเงินให้แก่บริษัทชั้นนำอย่าง Traveloka, Garuda Indonesia และ Tech In Asia เป็นต้น ”

​จากความสำเร็จที่น่าประทับใจในอินโดนีเซีย Xendit ต่อยอดขยายธุรกิจเข้าไปยังประเทศฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ซึ่งได้มีปรับกลยุทธ์การให้บริการตามพื้นที่และความต้องการของธุรกิจในประเทศนั้นๆ เพื่อช่วยผลักดันให้ธุรกิจมีการขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่

สำหรับปี 2024 นี้ Xendit มีความพร้อมที่จะเป็นผู้ให้บริการพื้นฐานการชำระเงินในระดับภูมิภาค ภายใต้พันธกิจ “Making Payments Simple” ช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยได้ขยายความสามารถในการทำธุรกรรมดิจิทัลในระดับภูมิภาคไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพียงเชื่อมต่อกับระบบที่ทันสมัยของ Xendit

​"การขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มฐานลูกค้าใหม่เท่านั้น แต่เรายังเชื่อมั่นในการทำให้ธุรกิจมีพลัง ด้วยเครื่องมือที่พวกเขาต้องการเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ สำหรับ Xendit เป้าหมายของเราคือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินดิจิทัลที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และช่วยทำให้กระบวนการชำระเงินเป็นเรื่องง่าย สะดวก และรวดเร็ว สำหรับการขยายตลาดเข้าสู่ประเทศไทยในครั้งนี้ เรากำลังเดินหน้าเข้าสู่ก้าวต่อไป เพื่อทำให้วิสัยทัศน์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงได้กับทุกๆ คนในอุตสาหกรรมนี้" นายโมเสส เจียน เฮง โล กล่าว

​ด้าน นางสาวเทสซ่า วิจายะ (Tessa Wijaya) ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ Xendit กล่าวว่า ปัจจุบัน Xendit ให้บริการแก่ลูกค้ามากกว่า 6,000 รายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการทำธุรกรรมมากกว่า 320 ล้านครั้งต่อปี ผ่านการให้บริการรับชำระเงิน การโอนเงินข้ามประเทศ การดำเนินธุรกิจและการจัดการร้านค้า พร้อมด้วยบริการด้านการเงินดิจิทัลอื่นๆ อีกมากมาย

โดยมีลูกค้าครอบคลุมทั้ง SME รายย่อย สตาร์ทอัพด้านอีคอมเมิร์ซ และบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดย Xendit มีแผนที่จะพัฒนาการให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมการบริการที่เต็มไปด้วยความคุ้มค่าและสามารถเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยจุดเด่นด้านบริการ ดังนี้

● Simple ให้บริการระบบชำระเงินที่ปลอดภัยและง่ายต่อการทำงานร่วมกัน
● Speed การตรวจสอบและการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ทันใจ
● Service พร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยมาตรฐานการดูแลระดับโลก


​โดย Xendit มีเป้าหมายที่จะมองหาและแก้ไขระบบการรับชำระเงินให้ตรงตามความต้องการของแต่ละบริษัท และพร้อมที่จะสร้างโซลูชันที่เหมาะสมกับตลาดการชำระเงินดิจิทัลในประเทศไทย โดยมีกลุ่มเป้าหมายตั้งเเต่ร้านค้าทุกขนาด สตาร์ทอัพที่มีฝันที่จะขยายธุรกิจไปสู่ระดับภูมิภาค ไปจนถึงบริษัทใหญ่ในภูมิภาค

​"เราเชื่อมั่นในการก้าวข้ามขีดจำกัดและพร้อมจะช่วยทำให้ธุรกิจในแต่ละประเทศมีพลังในการเติบโตมากยิ่งขึ้น จากการเชื่อมต่อระดับโลกและการทำธุรกรรมดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ ด้วยความเชี่ยวชาญที่เน้นการเข้าถึงในระดับท้องถิ่นและการมีมาตรฐานที่ดีที่สุดระดับโลกของเรา เราหวังว่าการนำเสนอโซลูชันทางการชำระเงินแบบดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมของเราเข้าสู่ประเทศไทยในครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้แก่อุตสาหกรรมดิจิทัลไทยได้อย่างแน่นอน" นางสาวเทเรเซีย แซนดร้า วิจายะ กล่าว

ทั้งนี้ Xendit เป็นผู้ให้บริการระบบการชำระเงินแบบไร้รอยต่อและง่ายต่อการใช้งานระดับภูมิภาคที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ

อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนในระดับท้องถิ่น สำหรับการขยายธุรกิจในประเทศไทยครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินชาวไทยอย่าง นายกรณ์ จาติกวณิช ที่เข้ามาร่วมพัฒนาธุรกิจในฐานะที่ปรึกษาและเป็น Chairman ของบริษัทฯ

“การชำระเงินเป็นฟันเฟืองที่สำคัญอย่างยิ่งในกลไกทางเศรษฐกิจโดยรวมในยุคดิจิทัลนี้ ระบบการชำระเงินที่แข็งแกร่งระดับโลกถือเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จ โดนที่ Xendit จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาบันการเงินของไทย ตลอดจนร่วมงานโดยตรงกับธุรกิจในท้องถิ่นเพื่อส่งมอบบริการและเทคโนโลยีระดับโลก เราจะร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในทุกกิจกรรมของเรา” นายกรณ์ จาติกวณิช กล่าว

การร่วมมือกันในครั้งนี้เป็นการร่วมผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ พร้อมยกระดับศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและพัฒนาเทคโนโลยีการเงินในประเทศไทยต่อไปอย่างยั่งยืน

เกี่ยวกับ Xendit

Xendit เป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่ให้บริการโซลูชั่นการชำระเงินและลดความซับซ้อนของกระบวนการชำระเงินสำหรับธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ SMEs สตาร์ทอัพ อีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ Xendit ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ รับการชำระเงินจากลูกค้า ดำเนินธุรกิจ Marketplace และอื่นๆ ผ่านแพลตฟอร์มที่ผสานรวมอย่างง่ายๆ ซึ่งสนับสนุนโดยฝ่ายบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง

ในฐานะสตาร์ทอัพรายแรกของอินโดนีเซียจาก YCombinator และเป็นยูนิคอร์นการชำระเงิน B2B แห่งแรกในอินโดนีเซีย ที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนระดับโลกและบริษัทร่วมทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Xendit ได้ช่วยซัพพอร์ตแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างๆ รวมถึง Traveloka, Wish และ Grab