บลจ.ไทยพาณิชย์ปั้น‘AUM’ ทะลุ‘2ล้านล้าน’ชูลงทุนบอนด์เด่น
ในปี 2566 บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM)ยังคงครองแชมป์ “เบอร์หนึ่ง” ของอุตสาหกรรมฯ มีAUMอยู่ที่ 1.8 ล้านล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด21% เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนหน้า และที่สำคัญช่วงโควิด-19 SCBAM รายได้ไม่ลดลงและหลังช่วงโควิด-19 ยังทำรายได้โต และยังมี “โอกาสโตเพิ่มขึ้น”
ดังนั้น แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 “ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ วางเป้าหมายผลักดันสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ ( AUM ) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.9-2 ล้านล้านบาท หากภาวะตลาดตราสารหนี้ยังสนับสนุนการลงทุนในปีนี้ และมีการออกกองทุนใหม่เพิ่มเติม เชื่อมั่น AUM ในปีนี้ยังมีโอกาสทะลุ “2 ล้านล้านบาท” พร้อมกับเป้าหมายขยายฐานลูกค้าแตะ “1 ล้านราย” ภายในอีก 2-3 ปี จากปัจจุบันมีลูกค้ารวม 6 แสนราย
“AUM ของเราปีนี้จะเพิ่มขึ้นราว 1-2แสนล้านบาท หลักๆ มาจากกองทุนรวมมีเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 50,000-1แสนล้านบาท โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ และอีกส่วนหนึ่งจากกองทุนส่วนบุคคล มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 50,000-1 แสนล้านบาท”
ด้านกลยุทธ์การลงทุนในปีนี้ SCBAM ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนตราสารหนี้ แบ่งเป็นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศสัดส่วน 70% และตราสารหนี้ไทยสัดส่วน 30% ซึ่งการลงทุนตราสารหนี้ปีนี้ มีโอกาสสร้าง “ผลตอบแทน” ได้ดีในจังหวะการปรับตัวดอกเบี้ยเพื่อล็อกผลตอบแทนในระดับสูงไว้
“เราคาดการณ์ว่า เฟดจะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ปีนี้อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง หรือหากเฟดไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ ผลตอบแทนยังอยู่ในระดับสูง แต่หากเฟดลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้งในปีนี้ ผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวยังสูงกว่าเงินฝากและปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันเฉลี่ยที่ 2.7%”
พร้อมทั้ง ยังมีมุมมอง “เชิงบวก” ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากภาคบริการที่ยังโตและการผลิตที่ฟื้นตัว รวมถึงอัตราเงินเฟ้อโลก มีสัญญาณชะลอตัวลงใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศกำหนด ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนเน้นจับจังหวะทิศทางตลาดทุนเป็นหลัก
ควบคู่ไปกับการมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนหลากหลายกลุ่มทุกเซ็กเมนท์ไม่ว่าจะเป็น กองทุนดัชนี และกองทุนส่วนบุคคล เป็นทางเลือกช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ต สำหรับนักลงทุนรายใหญ่ และสถาบัน ปผ่านช่องทางธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นแบงก์แม่
ขณะเดียวกัน ผลักดันในส่วนของกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว (Super Savings Fund) มาขยายฐานลูกค้าในกลุ่มกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและประกัน สามารถกระจายเงินมาลงทุนเพิ่มได้ อีกทั้งยังขยายฐานผู้ลงทุนผ่านแอพพลิเคชั่น SCBAM Fund Click ในกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ ซึ่งในปีที่ผ่านมาผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 40%
ในส่วนแนวโน้ม “ตลาดหุ้นไทย” ช่วงปลายปีนี้ คาดตลาดหุ้นไทยน่าจะมีโอกาสปรับขึ้นได้ ซึ่งต้องรอติดตามการโตกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีโอกาสกลับมาเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสากหรรมหลักของประเทศ รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมามากขึ้น หลังหน่วยงานกำกับดูแลทั้ง ตลท. และ ก.ล.ต. มีมาตรการเพิ่มเติมคุมเข้มมากขึ้น มองดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีที่ระดับ 1,550 -1,600 จุด แต่หากไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีนี้ ปัจจัยดังกล่าวยังไม่มีพัฒนาในเชิงบวกมากขึ้น คาดดัชนีหุ้นไทยยังแกว่งตัวที่ระดับ 1,350-1,400 จุด