ลุ้นปัจจัยดัน‘ทองคำ’4หมื่นบ. ‘ลดดอกเบี้ย-ศก.ถดถอย-สงคราม’
“สมาคมค้าทองคำ” รายงานราคาทองประจำปี 2567 ระบุว่า ราคาทองในประเทศตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ม.ค.-14 มี.ค.67) ทำ “ออลไทม์ไฮ” ต่อเนื่อง 13 ครั้ง ปรับเพิ่มขึ้น 3,000 บาท ราคาสูงสุดอยู่ที่ 36,700 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 33,400 บาท
เดือนมี.ค. เป็นเดือนที่ทอง “ทำออลไทม์ไฮต่อเนื่อง” พุ่งสูงสุดถึง 2,050 บาท ขณะที่เดือนม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 550 บาท และเดือน ก.พ.ปรับเพิ่มขึ้น 400 บาท
หนึ่งปัจจัยหนุนสำคัญด้านภูมิรัฐศาสตร์ภาพรวมยัง “ไม่ยุติ” เงินบาทอ่อนค่าดันราคาทองพุ่ง แนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ตุนทองคำเพิ่มขึ้นเป็นสภาพคล่องไว้รองรับความเสี่ยงหากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ล่าสุดวานนี้ (14 มี.ค.) เวลา 15.00 น. “ราคาทองไทย” ยังทำออลไทม์ไฮต่อ ราคาทองแท่งขายออก 36,650 บาท ราคาทองรูปพรรณ ขายออก 37,150 บาท ราคาทองช่วงเปิดตลาดปรับขึ้น 1 ครั้ง ที่ 150 บาท แต่ในช่วงเที่ยง ปรับลง 1 ครั้ง ที่ 50 บาท หลังทองทำออลไทม์ไฮต่อไม่หยุด ทำให้มีโอกาสราคาทองในไทยปรับขึ้นแตะระดับ 40,000 บาท ! มีความเป็นไปได้เพิ่มยิ่งขึ้น
“กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ” ประธานกรรมการกลุ่ม บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) มองโอกาสทองจะพุ่งขึ้นแตะ 40,000 บาทช่วงสิ้นปีมีสูง เนื่องจากการปรับลดนโยบายดอกเบี้ยของเฟดที่เข้าสู่แนวโน้มลดดอกเบี้ยช่วงปลายปี คาดจะลดดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง หรือ 0.75% ซึ่งการลดดอกเบี้ยหลายครั้งที่ผ่านมา เป็นผลบวกส่งผลให้ทองคำปรับตัวขึ้น และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ สงคราม รวมทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เช่น ยุโรป อังกฤษ
และค่าเงินดออลาร์ที่จะอ่อนตัวลงช่วงปลายปี หลังเฟดลดอัตราดอกเบี้ย และจะส่งผลให้บอนด์ยีลด์ลดลง หลังตลาดคาดปัจจุบัน ผลตอบแทนอยู่ “จุดสูงสุด” ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนทองคำมากขึ้น โอกาสราคาทองคำจะแตะ 40,000 บาท มีเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน
"ราคาทองคำ" พุ่งไม่หยุด ยังสามารถเข้าลงทุนได้หรือไม่นั้น ฝั่งผู้จัดการกองทุน “ปณตพล ตัณฑวิเชียร” รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย แนะว่า ในเดือนมี.ค.นี้ มีปรับลดมุมมองทองคำลง เนื่องจากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด เลื่อนออกไป จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดต่อเนื่อง ทำให้มีต้นทุนการเสียโอกาสของการถือครองทองคำ
เนื่องจากการลงทุนในทองคำไม่ได้รับดอกเบี้ยเหมือนเงินฝากหรือตราสารหนี้ ผลกระทบจากประเด็นความขัดแย้งฮามาส ทะเลแดง จำกัดลง จึงลดความจำเป็นที่จะต้องมีทองคำเพื่อเป็น Diversifier เหมือนช่วงที่ผ่านมา มองว่าราคาทองคำในระยะสั้นจะซื้อขายอยู่ในกรอบ 2,000-2,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปัจจุบัน ราคาปรับขึ้นไปสูงกว่ากรอบดังกล่าวแล้ว อัพไซด์จึงมีจำกัด สามารถมีในพอร์ต Asset Allocation ไม่เกิน 5%
“นันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะว่า ไม่ว่าในภาวะทองคำราคาจะพุ่งทยานไม่หยุดหรือดิ่งลงเหว ยังมอง “ทองคำ” ยังคงเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่นักลงทุนควรมีทองคำในพอร์ตลงทุนไม่ควรเกิน 5-10% เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการเหวี่ยงของผลตอบแทนในพอร์ตได้
แม้ “ราคาทองอ่อนตัวลง” เป็นจังหวะการเก็บสะสมเข้าพอร์ต เพราะทองคำก็ยังคงเป็นสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมีสภาพคล่องสูง และมีรูปแบบลงทุนที่หลากหลาย
การลงทุนระยะยาวพิสูจน์มาแล้วว่า เป็นแหล่งสะสมความมั่งคั่ง เพราะไม่มีใครรู้ในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีความเสี่ยงที่นักลงทุนไม่คาดคิด จึงเป็นโอกาสดันราคาทองคำ “พุ่งสูง” จังหวะนักลงทุนขายทำกำไรได้ แม้ว่าสินทรัพย์ลงทุนอื่นๆ พอร์ตแดง แต่ทองคำจะเปล่งประกายช่วยให้ “ใจฟู” ได้