คุณสมบัติสุดล้ำของประกันสุขภาพที่ต้องมีในปี 2024
การมีประกันสุขภาพที่เปิดความคุ้มครองเพิ่มเติมกับวิธีการรักษาแห่งอนาคตที่มีประสิทธิภาพมากกว่าโดยระบุคุ้มครองการรักษาอื่นที่ได้รับการรับรองราชวิทยาลัยในประเทศไทยที่มีรายชื่อในแพทย์สภาให้การรับรองว่าเป็นข้อบ่งชี้ในการรักษาทั้งในปัจจุบันและอนาคต
แม้ในปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. จะออกมาตรฐานประกันสุขภาพใหม่ หรือ New Health Standard มาเพื่อแก้ Pain point สำหรับผู้ซื้อประกันที่ต้องการเปรียบเทียบความคุ้มครองในแต่หมวดของประกันสุขภาพให้ชัดเจนขึ้น รวมถึงข้อมูลคำแนะนำถึงการซื้อประกันสุขภาพ เช่น วงเงินความคุ้มครองและค่าห้องพักที่เหมาะสม, ความคุ้มครองผู้ป่วยนอก, อายุรับประกันที่สูงไปจนถึงอายุ 99 ปี และบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ
แต่ในปี 2024 ที่เรายังคงเผชิญกับเงินเฟ้อการแพทย์ที่สูงกว่า 9% รวมถึงการยกระดับความคุ้มครองเพื่อประโยชน์การรักษามากที่สุดจากเทคโนโลยีการแพทย์ที่ล้ำหน้าในอนาคต เราจะเลือกประกันที่มีคุณสมบัติเพิ่มเติมอย่างไรเพื่อให้เหมาะกับการวางแผนสุขภาพในระยะยาว โดยไม่จำเป็นต้องยกเลิกกรมธรรม์ด้วยเพราะเมื่อมีประวัติการรักษาแล้ว การยกเลิกหรือเปลี่ยนกรมธรรม์จะทำได้ยากขึ้น
คุณสมบัติแรกคือ ความคุ้มครองค่าห้องพักที่ยืดหยุ่นตามเงินเฟ้อในอนาคต โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายหลักในส่วนการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยในมาจากค่าห้องพักที่อยู่ในหมวดที่ 1 ของประกันสุขภาพมาตรฐานใหม่ ในแบบประกันสุขภาพทั่วไปจะมีการระบุวงเงินคุ้มครองตามจริงแต่ไม่เกินมูลค่าที่ระบุในกรมธรรม์
อย่างไรก็ดีถ้าหากผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องพักรักษาตัวกับโรงพยาบาลใกล้บ้านเกินวงเงินความคุ้มครองจะทำให้เกิดภาระกับผู้ป่วยในการจ่ายส่วนต่างเพิ่มเติม รวมถึงค่าห้องพักที่อาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปีตามภาวะเงินเฟ้อยิ่งมีโอกาสทำให้ในอนาคตวงเงินความคุ้มครองค่าห้องพักอาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ค่ารักษาพยาบาลในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันมีแบบประกันที่นอกเหนือจากการกำหนดความคุ้มครองห้องพักต่อคืนแล้ว ยังมีความคุ้มครองเพิ่มเติมโดยึดจากราคาห้องพักเดี่ยวมาตรฐานของโรงพยาบาลนั้นๆ ได้
ซึ่งจากข้อมูล ในปี 2024 พบว่าในปัจจุบันโรงพยาบาลชั้นนำในกรุงเทพมีค่าห้องพักรวมค่าบริการและอาหารเดี่ยวมาตรฐานสูงถึง 10,000 - 14,000 บาท ซึ่งแบบประกันที่สามารถให้ความคุ้มครองที่เปิดทางเลือกความคุ้มครองสำหรับพักในห้องเดี่ยวมาตรฐานแทนการกำหนดวงเงินนั้นจะมีผลประโยชน์ต่อผู้ป่วยมากกว่าในระยะยาว และไม่จำเป็นต้องทำประกันเพิ่มเพื่อเอาความคุ้มครองค่าห้องพักเพียงอย่างเดียว
ต่อมาคือ แบบประกันที่เปิดกว้างความคุ้มครองเพิ่มเติมเมื่อเทคโนโลยีการแพทย์มีความก้าวหน้ามากขึ้นในอนาคต ในปัจจุบันหมวด 11 ใน New Health Standard ระบุคุ้มครองการรักษาโรคมะเร็งด้วยการรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted therapy) ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการรักษาโรคมะเร็งที่ลดผลข้างเคียงจากการรักษาและลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้แต่ค่าใช้จ่ายสูง แต่หลังจากนี้ไปหากเทคโนโลยีการแพทย์ที่ก้าวหน้ามากขึ้น
การมีประกันสุขภาพที่เปิดความคุ้มครองเพิ่มเติมกับวิธีการรักษาแห่งอนาคตที่มีประสิทธิภาพมากกว่าโดยระบุคุ้มครองการรักษาอื่นที่ได้รับการรับรองราชวิทยาลัยในประเทศไทยที่มีรายชื่อในแพทย์สภาให้การรับรองว่าเป็นข้อบ่งชี้ในการรักษาทั้งในปัจจุบันและอนาคต ก็เกิดประโยชน์แก่ผู้ป่วยที่ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีการอัพเกรด New health standard ย่อมดีกับผู้ถือกรมธรรม์มากกว่า เช่น การรักษาด้วยยีนบำบัด (Gene therapy) ที่เพิ่งได้รับอนุมัติเป็นครั้งแรกจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ ในการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะไม่ลุกลามเข้าชั้นกล้ามเนื้อ (NMIBC) ซึ่งผลการวิจัยมีผู้ป่วยถึง 95% ที่มะเร็งไม่กลายเป็นระยะลุกลามต่อไปแต่มีค่าใช้จ่ายต่อปีสูงถึง 8.6 ล้านบาท หรือ การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ที่เริ่มได้รับความนิยมในการรักษามะเร็งมากขึ้นและเริ่มมีการอนุมัติให้ใช้กับการรักษามะเร็งบางชนิดแล้ว เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเมื่อใช้ร่วมกับการรักษาด้วยเคมีบำบัดได้ เช่น มะเร็งปอด, มะเร็งผิวหนัง หรือ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น
ส่วนสุดท้ายที่น่าสนใจสำหรัความคุ้มครองให้เงินก้อนเพิ่มเติมสำหรับการป่วยอาการวิกฤตหรือลุกลาม แบบประกันสุขภาพดั้งเดิมจะยกเว้นค่าเบี้ยประกันสุขภาพให้เมื่อเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงหรือมีอาการป่วยขั้นวิกฤติขึ้นอยู่กันเงื่อนไขเท่านั้น อย่างไรก็ดีการยกเว้นเบี้ยอาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของครอบครัวที่ยังมีอยู่หากหัวหน้าครอบครัวที่เลี้ยงดูครอบครัวเป็นหลักล้มป่วยจนถึงขั้นวิกฤตอันมีผลกระทบต่อรายได้ครอบครัวที่ขาดหายไป
ดังนั้น เมื่อหัวหน้าครอบครัวอยู่ช่วงรักษาตัว แต่มีความคุ้มครองผลประโยชน์เป็นเงินก้อนแก่ผู้ป่วยเพิ่มเติมจากการยกเว้นเบี้ย จะช่วยบรรเทาปัญหาทางการเงินของครอบครัวได้ เสมือนเป็นการทำประกันสุขภาพร่วมกับประกันโรคร้ายแรงนั่นเอง
สำหรับแผนประกันสุขภาพที่เราต้องมีในปี 2024 นั้นอาจสรุปได้ออกมาเป็น 3 ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ 1) ค่าห้องพักที่มีความคุ้มครองยืดหยุ่นตามอัตราค่าห้องที่เพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อโดยที่ผู้เอาประกันไม่ต้องเปลี่ยนหรือยกเลิกกรมธรรม์ฉบับเดิม 2) การกำหนดความคุ้มครองเพิ่มเติมด้วยการชดเชยเป็นเงินก้อนทันทีกรณีผู้เอาประกันมีอาการป่วยขั้นวิกฤต เพราะจะช่วยให้บรรเทาภาระทางการเงินแก่ครอบครัวในช่วงที่จำเป็นต้องรักษาตัว และ 3) เปิดกว้างความคุ้มครองเพิ่มเติมเมื่อเทคโนโลยีการแพทย์มีความก้าวหน้ามากขึ้นในอนาคต ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการแพทย์ที่ทันยุคทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยสบายใจได้ว่ากรมธรรม์ที่เราถือครองจะให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายเราไปจนสุดทางของชีวิต
หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ [email protected] I บทความโดย ศิวกร ทองหล่อ CFP® Senior Wealth Manager