ลงทุนแบบ Passive ช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
การลงทุนแบบ Passive คือแนวทางการลงทุนแบบเชิงรับ เป้าหมายคือลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ตรงกันข้ามกับการลงทุนแบบ Active ซึ่งเป็นการลงทุนแบบเชิงรุก
สำหรับผู้เริ่มลงทุนในตลาดหุ้น การเรียนรู้และหาข้อมูลเพื่อเลือกเฟ้นหุ้นที่โดดเด่นจากปัจจัยพื้นฐาน รวมทั้งหาจังหวะเหมาะสมในการลงทุน อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนผู้ลงทุนที่มีประสบการณ์ในตลาดทุนแล้ว นอกจากนี้ผู้ลงทุนบางรายอาจไม่มีเวลามากนักในการที่จะศึกษาวิเคราะห์เชิงลึก ดังนั้น แนวคิดหนึ่งที่อาจช่วยได้ โดยไม่ต้องยุ่งยาก นั่นคือ ‘การลงทุนแบบ Passive’
การลงทุนแบบ Passive คือแนวทางการลงทุนแบบเชิงรับ เป้าหมายคือลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ตรงกันข้ามกับการลงทุนแบบ Active ซึ่งเป็นการลงทุนแบบเชิงรุก ที่จะพยายามคัดเลือกหุ้นและหาจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมโดยมีเป้าหมายคือลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ชนะดัชนีอ้างอิง ทั้งนี้ การลงทุนแบบ Passive นั้น สามารถทำได้ทั้งลงทุนในกองทุนรวมและกองทุนอีทีเอฟ ซึ่งในระยะหลังๆ นี้ ในต่างประเทศการลงทุนแบบนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุที่การลงทุนแบบ Passive ได้รับความนิยมก็มีหลายประการ ข้อแรกคือ ลงทุนง่าย ไม่ต้องเลือกเฟ้นหุ้นเพื่อจัดพอร์ตลงทุนเอง ช่วยกระจายการลงทุน กระจายความเสี่ยง เพราะเป็นการลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีที่กองทุนใช้อ้างอิงเพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีอ้างอิง นอกจากนี้ กองทุนประเภทนี้มักมีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการไม่สูงนัก โดยกองทุนแบบ Passive จะมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนแบบ Active เนื่องจากต้นทุนบริหารจัดการโดยเฉพาะการคัดเลือกหุ้นต่ำ ซึ่งเมื่อพิจารณาในเชิงผลการดำเนินงานแล้ว การศึกษาผลการดำเนินงานของกองทุนในต่างประเทศของ Morningstar ยังพบว่ากองทุนแบบ Active ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า
กองทุนแบบ Passive มีสัดส่วนไม่มากนัก กล่าวคือ ถ้าหากพิจารณาระยะเวลาการถือครอง 1 ปี พบว่ามีประมาณ 1 ใน 3 ที่กองทุนแบบ Active มีผลการดำเนินงานดีกว่า แต่เมื่อระยะเวลาลงทุนยิ่งนานขึ้น กองทุนแบบ Active ที่สามารถเอาชนะกองทุนแบบ Passive ได้ยิ่งมีสัดส่วนน้อยลง โดยตัวเลขนี้ลดลงเหลือแค่ 1 ใน 10 เมื่อมีระยะเวลาการถือครอง 20 ปี
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่การลงทุนแบบ Passive ได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลการศึกษาของ Morningstar ยังพบว่า ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในกองทุนแบบ Passive มีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยในสหรัฐอเมริกา กระแสความนิยมในกองทุนแบบ Passive ได้ดำเนินมาถึงหมุดหมายสำคัญ นั่นคือสัดส่วนการลงทุนในกองทุนแบบ Passive ได้เพิ่มขึ้นมาจนเท่ากับกองทุนแบบ Active เรียบร้อยแล้ว
สำหรับผู้ลงทุนไทยที่สนใจการลงทุนแบบ Passive ปัจจุบันมีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย โดยอาจลงทุนในกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) กองทุนอีทีเอฟ ETF (Exchange-Traded Fund) หรือ DR (Depositary Receipt) ที่อ้างอิงกับกองทุน ETF โดยมีทั้ง ETF ที่อ้างอิงกับดัชนีหุ้นไทยและดัชนีต่างประเทศ ส่วน DR นั้นจะอ้างอิงกับ ETF ต่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนอาจเลือกใช้วิธีการทยอยลงทุนหรือออมกองทุน ซึ่งจะช่วยสร้างให้เกิดวินัยการลงทุนแบบสม่ำเสมอเพื่อสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว
การลงทุนแบบ Passive ถึงแม้จะดูเรียบง่าย หากแต่เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เงินลงทุนของเราสามารถงอกเงยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว โดยช่วยกระจายความเสี่ยง มีต้นทุนต่ำ ให้ผลตอบแทนที่ดี เป็นทางเลือกการลงทุนที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโลกการลงทุนได้อย่างสะดวกและมั่นใจ สำหรับผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของกองทุนรวม ETF และ DR ได้ที่ www.settrade.com