บลจ.ชิงจังหวะก่อนยุค‘ดบ.’ลง ส่ง‘กองบอนด์สั้น-เทอมฟันด์’ล็อกยีลด์สูง 

บลจ.ชิงจังหวะก่อนยุค‘ดบ.’ลง  ส่ง‘กองบอนด์สั้น-เทอมฟันด์’ล็อกยีลด์สูง 

ตลาดมองประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) “ตรึงดอกเบี้ย” การประชุมสัปดาห์นี้ และคาด “ลดดอกเบี้ย” ครั้งแรกในไตรมาส 3 ปีนี้ เป็นการสิ้นสุดวัฏจักร “ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น” แล้ว และเริ่มมีสัญญาณก้าวเข้าสู่ “ยุคดอกเบี้ยขาลง” 

KEY

POINTS

  • ตลาดมองประชุมเฟด “ตรึงดอกเบี้ย” ในการประชุมสัปดาห์นี้ และคาด “ลดดอกเบี้ย” ครั้งแรกในไตรมาส 3 ปี
  • บลจ.มองการลงทุนใน "ตราสารหนี้ระยะสั้น -เทอมฟันด์"  น่าสนใจในภาวะก่อนเข้าสู่ยุคดอกเบี้ยขาลง
  • ชูจุดเด่น โอกาสเข้าลงทุนในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทย  ล็อกผลตอบแทนสูง มากกว่า 2%  มีสภาพคล่องสามารถซื้อขายได้ทุกวัน 
  • ตั้งแต่ต้นปีมานี้ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเสนอขายกองทุนพันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น ทั้งอายุ 6 เดือน และ อายุ 1 ปี จำนวน 8 กองทุน รวมมูลค่า 25,189.83 ล้านบาท
  • บลจ.เอ็กซ์สปริง  เตรียมเสนอขาย กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นในประเทศ เพื่อเป็นการล็อกดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงในช่วงนี้

แน่นอนว่า การเข้าลงทุนในกองทุนรวมทั้ง “กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นและกองทุนเทอมฟันด์” ยังคง “ได้เปรียบและปลอดภัย” ให้กับผู้ลงทุน ทั้งการล็อกอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงในช่วงนี้ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงขาลงอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงเพื่อเสริมสภาพคล่องของพอร์ตลงทุนรวม เพื่อลดความเสี่ยงการลงทุน

ดังนั้น ตั้งแต่ต้นปีมานี้จนถึงปัจจุบัน “ผู้จัดการกองทุน” อาศัยการจับจังหวะก่อนลดดอกเบี้ยทยอยคลอด “กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น” และ “กองทุนเทอมฟันด์ประเภทรักษาเงินต้น” อย่างต่อเนื่อง ชูจุดเด่น “สร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า” และ “มีสภาพคล่องสามารถซื้อขายได้ทุกวัน”

บลจ.ชิงจังหวะก่อนยุค‘ดบ.’ลง  ส่ง‘กองบอนด์สั้น-เทอมฟันด์’ล็อกยีลด์สูง 

“ยศกร ฟอลเล็ต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอ็กซ์สปริง มองว่า จากการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะสิ้นสุดวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และเตรียมปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ โดยการประชุมเฟดรอบล่าสุดเดือนมี.ค. ระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

สอดคล้องกับคาดการณ์ของตลาด เนื่องจากตัวเลขการว่างงานของสหรัฐลดลงต่ำกว่าที่คาดไว้ ดัชนีชี้เศรษฐกิจหลายตัวเริ่มออกมาดีขึ้น และปีนี้ในช่วงไตรมาส4 จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลดีให้รัฐบาลปัจจุบันต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือให้แข็งแกร่งเพื่อสร้างผลงานก่อนสู้ศึกเลือกตั้ง

จากปัจจัยที่เป็นที่แน่นอนว่าดอกเบี้ยจะเข้าสู่ขาลงในครึ่งปีหลังปีนี้ “บลจ.เอ็กซ์สปริง” จึงได้เตรียมเปิดขายกองทุนเปิดเอ็กซ์สปริง พลัส (X-PLUS) เป็น “กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น” เพื่อเป็นการล็อกดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงในช่วงนี้ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงขาลงอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงเพื่อเสริมสภาพคล่องของพอร์ตการลงทุนรวมเพื่อลดความเสี่ยงการลงทุน 

ประกอบกับ Thai Government 1 Year Bond Yield อยู่ที่ระดับ 2.28% ณ 30 เม.ย. 2567 มองเป็นโอกาสดีสะสมลงทุนกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ด้วยระดับดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงบนทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่คาดอยู่ที่ระดับสูงสุด และมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงใน 6-12 เดือนข้างหน้า ซึ่งภาพรวมนโยบายการเงินของเฟดอยู่ในทิศทางคงและลง ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลไทยมีค่าความสัมพันธ์ในช่วงเวลา 1-3 ปีกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอยู่ระดับ 0.4-0.6 ซึ่งทำให้นอกจากจะได้ล็อก “ผลตอบแทน” ในอัตราค่อนข้างน่าสนใจยังมีโอกาสได้ “กำไร” จากกรณียีลด์ปรับตัวลงในอนาคตด้วย 

โดยกองทุนคัดสรรตราสารหนี้คุณภาพดีเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้นักลงทุนทั้งระยะสั้น กลาง ยาว เป็นอย่างดี นโยบายลงทุนของ กองทุนเปิดเอ็กซ์สปริง พลัส คือ ลงทุนเงินฝาก หลักทรัพย์ประเภทตราสารหนี้ระยะสั้น

ทางด้าน บลจ.อีสท์สปริง เปิดเสนอขายกองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M16 (ES-GOVCP6M16) อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนประเภทเทอมฟันด์ที่ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากการเพิ่มขึ้นมูลค่าหน่วยลงทุน ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท คาดหวังจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.20% ต่อปี

ผู้จัดการกองทุน บล.อีสท์สปริง กล่าวว่า  ตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบัน  บลจ.อีสท์สปริง เปิดเสนอขายกองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น ทั้งอายุ 6 เดือน และ อายุ 1 ปี จำนวน 8 กองทุน รวมมูลค่า 25,189.83 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนประเภทเทอมฟันด์ที่ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุน 

จากตัวเลขเศรษฐกิจของไทยยังมีแนวโน้มที่ผันผวน และอาจถูกกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กระทบต่อเศรษฐของไทย และล่าสุด IMF ยังปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลง รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนทำให้ท่าทีของธนาคารกลางต่างๆของแต่ละประเทศรวมถึงของไทย มีแนวโน้มที่จะต้องปรับลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงหลังจากนี้ ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ระดับ 2.5%

การลงทุนใน Term-Fund ถือเป็นการลงทุนที่น่าสนใจในภาวะที่ดอกเบี้ยยังไม่ได้ถูกปรับลดลง เป็นโอกาสของนักลงทุนในการเข้าลงทุนในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ