‘เยน’ ร่วงต่ำสุดรอบ34ปี กองทุนเตือนระยะสั้น กดดัน‘หุ้นญี่ปุ่น‘

‘เยน’ ร่วงต่ำสุดรอบ34ปี กองทุนเตือนระยะสั้น กดดัน‘หุ้นญี่ปุ่น‘

ในปีนี้ ดัชนีนิกเกอิ (Nikkei 225) ตลาดหุ้นโตเกียวปรับเพิ่มขึ้น 14% ทำผลงานได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก แต่นักลงทุนใช้สกุลเงินดอลลาร์ ผลตอบแทนลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นแค 3% หลังเยนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปี เทียบดอลลาร์

ต่ำกว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้น 9.5% และผลตอบแทนการลงทุนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงที่เพิ่มขึ้น 11% 

ขณะเดียวกันกองทุนต่างประเทศรายใหญ่อย่าง “BlackRock” เริ่มมองความเสี่ยงดังกล่าว สถานการณ์กรณีที่เลวร้ายสุด (Worst Case Scenario) หากปี 2567 ไม่ลดดอกเบี้ย ประกอบกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงท่าที Dovish จะทำให้ค่าเงินเยนมีโอกาสปรับตัวออ่อนค่าในกรอบ -10% อ่อนค่าที่ระดับ 170 เยนต่อ 1 ดอลลาร์ ก่อนการแทรกแซงค่าเงิน

‘เยน’ ร่วงต่ำสุดรอบ34ปี กองทุนเตือนระยะสั้น กดดัน‘หุ้นญี่ปุ่น‘

“หยู แบมบา” หัวหน้าฝ่ายการลงทุน BlackRock เตือนว่า การอ่อนค่าเงินเยนอาจจะส่งผลให้ต่างชาติพากันหลีกเลี่ยงลงทุนหุ้นญี่ปุ่น “การลงทุนหุ้นญี่ปุ่นจะยากมากขึ้น หากค่าเงินยังคงอ่อนค่า เมื่อพูดคุยกับนักลงทุนทั่วโลกเกี่ยวกับญี่ปุ่น อัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งแรกที่นักลงทุนพิจารณา”

ขณะที่ฝั่งผู้จัดการกองทุนในไทยประเมินความเสี่ยงดังกล่าวกดดันการลงทุนหุ้นญี่ปุ่นระยะสั้น แต่เป็นโอกาสการลงทุนยาว สลับเปลี่ยนสะสมกองทุนหุ้นญี่ปุ่นขนาดกลาง-เล็ก ที่ราคายังไม่ปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาดเข้าสะสมไม่เกิน 10% ของพอร์ต 

“ชุนหวัต จิระวิชิตชัย” นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ประเทศไทย) มองการอ่อนค่าเงินเยนรอบนี้ ทำให้เกิดความกังวลต่อการใช้จ่ายและบริโภคในประเทศ และต้นทุนนำเข้าของเอกชน โดยเฉพาะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่นำเข้าก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันจำนวนมาก ซึ่งการอ่อนค่าเงินเยนทำให้ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น

 

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาดูถึง สาเหตุของการอ่อนค่าของเยน ที่ต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีนั้นเกิดจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สวนทางกับนโยบายการเงินญี่ปุ่นที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เป็นสาเหตุหลักการอ่อนค่าของค่าเงินเยนช่วงที่ผ่านมา 

ดังนั้น มองตลาดได้รับข่าวการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดไปมากแล้ว เชื่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทำให้ “แรงกดดันต่อเงินเยนมีแนวโน้มลดลง” อีกทั้ง BOJ ได้เริ่มเข้าแทรกแซง เพื่อผยุงค่าเงินเยนไม่ให้ปรับตัวลดลงมากจนเกินไปมองค่าเงินเยนน่าจะวิ่งอยู่ในกรอบ 150-160 เยนต่อดอลลาร์ 

อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าเงินเยนส่งผลดีต่อธุรกิจ หรือหุ้นบริษัทจดทะเบียนกลุ่มส่งออก เนื่องจากรายได้การขายสินค้าแปลงกลับเป็นค่าเงินเยนทำให้กำไรบริษัทผู้ส่งออกมีกำไรเพิ่มมากขึ้น สำหรับหุ้นญี่ปุ่นกลุ่มควรหลักเลี่ยงคือ กลุ่มผู้ผลิตนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เป็นกลุ่มที่ต้องแบกรับต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น ทำให้ยอดขายและกำไรมีโอกาสปรับตัวลดลงได้ 

“ยศกร ฟอลเล็ต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอ็กซ์สปริง มองว่า ประเด็นดังกล่าวคงกดดันหุ้นญี่ปุ่นที่ Valuation ค่อนข้างตึงตัวผันผวนสูงแนะนำ “รอ Buy-On-Dip” หรือเก็งกำไรในช่วงตลาดขาลงสั้นๆ สำหรับเก็งกำไรแถว Nikkei 225 ระดับ 36,000-37,000 จุด แต่ไม่แนะนำระดับราคาที่สูงกว่านี้ ซึ่งปัจจุบัน Nikkei 225 อยู่ที่ระดับประมาณ 38,000 จุด

“ชยนนท์ รักกาญจนันท์” ประธานเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ฟินโนมีนาแนะนำกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นในกองทุนหุ้นญี่ปุ่น ควรจะเป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูงและใช้เงินลงทุนสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตลงทุนทั้งหมด นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที