บลจ.กสิกรไทย ตอกย้ำแชมป์กองทุน ThaiESG ลุยตราสารหนี้ภาครัฐความยั่งยืน
บลจ.กสิกรไทย หนุนผู้ลงทุนเข้าเป็นส่วนหนึ่งส่งเสริมสังคมไทยน่าอยู่ขึ้น พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาวและยั่งยืน ผ่านกองทุน ThaiESG น้องใหม่ “K-ESGSI-ThaiESG” เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ขาย IPO 24 มิ.ย. – 1 ก.ค.นี้ ย้ำมุมมองตลาดหุ้นไทยปรับลงเป็นจังหวะเก็บหุ้นยั่งยืน
การตระหนักถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยพิจารณาถึงความสมดุลทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ช่วยส่งเสริมให้โลกและสังคมไทยมีความน่าอยู่และยั่งยืนได้ในระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นหลัง ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยต่างตระหนักและมุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและสังคมที่ยั่งยืนมีความต้องการใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล ซึ่งหนึ่งในแหล่งการระดมทุนที่ได้รับความสนใจ นั่นคือ การออกตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน หรือ ESG Bond ซึ่งในประเทศไทยมีการออกทั้งจากภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตอย่างชัดเจน
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย พร้อมสนับสนุนให้ผู้ลงทุนได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้สังคมไทยน่าอยู่มากขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวจากการเติบโตอย่างยั่งยืน
ล่าสุดได้จัดตั้งกองทุน K-ESGSI-ThaiESG หรือ กองทุนเปิดเค ตราสารภาครัฐ ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกในระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน 2567 – 1 กรกฎาคม 2567
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ของกองทุนกลุ่ม ThaiESG ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม จากกองทุน K-TNZ-ThaiESG ซึ่งเป็นกองทุนรวมหุ้นไทยแห่งแรกที่มีนโยบายสนับสนุนบริษัทที่มีเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ชัดเจน โดยปัจจุบันมีขนาดกองทุนกว่า 1,460 ล้านบาท (ที่มา:Morningstar ณ วันที่ 30 พ.ค. 67)
นางสาวธิดาศิริ กล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง ยังมองเป็นจังหวะดีในการเข้าลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) เพื่อรับสิทธิลดหย่อนทางภาษีแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความยั่งยืนในระยะยาว
ผ่านกองทุนเปิดเค Target Net Zero หุ้นไทย (K--TNZ-ThaiESG) ที่ปัจจุบันมีมูลค่ารวม1,529 ล้านบาท สำหรับหลักทรัพย์ 5 อันดับแรกที่กองทุนK--TNZ-ThaiESGเน้นลงทุน ได้แก่
1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT สัดส่วนลงทุน 7.51%
2.บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT สัดส่วนลงทุน 7.14 %
3.บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA สัดส่วน 7.09 %
4.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC สัดส่วน 4.65 %
5.บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP สัดส่วน 4.60 %
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง และได้เริ่มนำปัจจัยด้าน ESG มาปรับใช้ในกระบวนการบริหารจัดการกองทุน ตั้งแต่ปี 2556 โดยบลจ.กสิกรไทยเป็น บลจ.แห่งแรกของไทยที่เข้าร่วมลงนาม Principles for Responsible Investment (PRI Signatory) ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติตั้งแต่ปี 2564
อีกทั้งยังเป็นบลจ.แห่งแรกของไทยที่ได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund)และในปี 2566 ได้เริ่มมีการจัดทำรายงานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) เป็นปีแรกซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจในการปฏิบัติตามหลักการลงทุนอันเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและในระดับสากล เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุนและประเทศไทยในระยะยาว
นางสาวธิดาศิริ กล่าวว่า สำหรับ กองทุน K-ESGSI-ThaiESG เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยมีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐของไทยในกลุ่มความยั่งยืนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% โดยสามารถลงทุนในตราสารดังต่อไปนี้
1) ตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนได้แก่ พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – Linked Bond)
2) ตราสารหนี้ภาครัฐของไทย ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย
3) ลงทุนบางส่วนในตราสารหนี้ เงินฝาก และตราสารเทียบเท่าเงินฝาก ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผู้ระดมทุนมีทั้งที่เป็นภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชน โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้สำหรับโครงการต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเกิดประโยชน์ต่อสังคมไทย อาทิ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ การพัฒนาระบบขนส่งด้วยพลังงานสะอาด โครงการปลูกป่า เป็นต้น
ผู้ลงทุนในกองทุนกลุ่ม ThaiESG สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 30% ของรายได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท และต้องถือครองหน่วยลงทุนจนครบ 8 ปีนับจากวันที่ซื้อ
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจกองทุน K-ESGSI-ThaiESG สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษเมื่อลงทุนแบบ DCA ผ่านบริการ K-Saving Plan และ/หรือ DCA ผ่านแอป K-My Funds ในกองทุน K-ESGSI-ThaiESG และ K-TNZ-ThaiESG รวมถึง SSF/RMF กสิกรไทย รับ Fund Back สูงสุด 1,200 บาท โปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 30 ธันวาคม 2567