บทสัมภาษณ์ฉบับสุดท้ายของ ‘สมโภชน์‘ ลั่น ‘อีเอ’ ไม่ใช่ ‘สตาร์ค‘อย่าบูลลี่กัน
เปิดบทสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายในฐานะผู้บริหาร ‘EA” กับ ’สมโภชน์’ อ้อนขอโอกาสให้อีเอ เชื่อธุรกิจแข็งแกร่ง ผลกำไรดี มีกระแสเงินสนหมุนเวียนทุกเดือนกว่าพันล้าน ชี้ EA ไม่ใช่ ‘ STARK’ไม่ควรถูกบูลลี่
“วันนี้อาจจะเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายที่ผมจะมีโอกาสอยู่บนเวทีในฐานะที่เคยเป็นผู้บริหาร EA มาก่อนรู้สึกใจหายกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมคาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้น ต้องขออภัยจริงๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นกับ EA มากมายทำให้ตลาดปั่นป่วน นักลงทุนหลายท่านก็ได้รับความเสียหาย”
นี่คือคำพูดในช่วงต้นๆ ของ “สมโภชน์ อาหุนัย” อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA หลังลาออกจากทุกตำแหน่ง ผลจากการถูกกล่าวโทษจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าอาจมีความผิดในการทุจริตการจัดซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศ เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
ล่าสุด “กรุงเทพธุรกิจ” ได้ถอดคำสัมภาษณ์แบบคำต่อคำ ในการให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของ “สมโภชน์” โดยยอมรับผ่านการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ว่า รู้สึกใจหายกับสิ่งที่เกิดขึ้น และต้องขออภัยที่ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ “ตลาดหุ้น” ปั่นป่วน และ “นักลงทุน” ได้รับความเสียหาย กับสิ่งที่เกิดขึ้น
จุดเริ่มต้นสร้าง “อีเอ”
แต่ในส่วนของบริษัท “อีเอ” ตั้งแต่จุดเริ่มต้นก่อสร้างบริษัทมาจวบจนถึงปัจจุบันก็นับเป็นเวลา 20 ปี ได้รับความชมเชย และนักลงทุนยกให้บริษัทเป็น “บูลชิพ” (Blue Chip) ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ผ่านการทำอินโนเวชั่นมามากมาย และผมก็ยังเชื่อมั่นว่า บริษัทแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยความอัศจรรย์ หรือ miracle แต่มันเกิดด้วย “ความตั้งใจ” ของคนเป็นกลุ่ม ไม่ใช่ผมคนเดียว
นับตั้งแต่วันแรกที่ EA ดำเนินธุรกิจ เริ่มต้นที่ ธุรกิจไบโอดีเซล และวันนี้ก็ยังเป็นยักษ์ใหญ่ในการผลิตไบโอดีเซล แม้จะยังเป็นธุรกิจเล็กๆ และวันที่เริ่มก็ไม่ได้มีสตางค์ ไม่ได้ซื้อเทคโนโลยี ครั้งที่ไปขอจัดตั้งธุรกิจกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยังมีคำที่ตั้งคำว่า ธุรกิจนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือ แต่วันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วผ่านโรงงานนี้ที่เดินเครื่องมาถึง 20 ปีแล้วในปัจจุบัน บนต้นทุนที่ถูกมาก และสามารถแข่งขันได้
ขยับขยายสู่ “โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์-กังหันลม”
หลังจากนั้น ธุรกิจเริ่มมีการขยับขยายไปสู่ “ธุรกิจโรงไฟฟ้า” ในเวลาที่ไม่มีใครเชื่อว่า โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์จะเป็นโรงงานที่ผลิตไฟและสร้างกำไรได้ จนมาสู่การสร้างโรงงานขนาด 90 เมกะวัตต์ที่แทบจะใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใช้ระยะเวลาสร้างทั้งสิ้น 11 เดือน และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราทำได้! มีคนบอกว่าราคาไฟฟ้านี้เป็นไปไม่ได้ เราก็ทำได้ เราทำโรงไฟฟ้าที่ถูกที่สุดในตลอด
นั่นเป็นเหตุสำคัญทำให้ EA มีผลประกอบที่ดีตลอดมาในระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา บนกำไรที่ดี ซึ่งการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโรงไฟฟ้ากังหันลมถือเป็นอะไรที่ปราบเซียนทั้งหมด
หลังจากธุรกิจโรงงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้ากังหันลมมาสู่การเริ่ม “โรงไฟฟ้าแบตเตอรี่” ที่ถือเป็นโรงงานแรกในเซาท์อีสต์เอเชียที่ออกแบบเอง ทำให้วันนี้ EA สามารถออกแบบโรงไฟฟ้า แบตเตอรี่ได้ด้วยตัวเราเอง
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยระยะเวลา 20 ปี โดยเฉพาะ 7 ปีหลัง ที่บริษัทหันไปสร้างโรงงานแบตเตอรี่ สร้างโรงผลิตรถยนต์ที่ทันสมัยที่สุดเชิงพาณิชย์ในเซาท์อีสต์เอเชีย และผลิตรถเชิงพาณิชย์ที่วิ่งเต็มถนนในทุกวันนี้ได้ในระยะเวลาไม่กี่ปี
“ผมเชื่อว่าหากวันนี้ทุกคนนิ่งๆ ใจเย็นๆ มาดูกันจริงๆ จะเห็นว่าเราเป็นผู้บุกเบิกจริงๆ สำหรับรถยนต์เชิงพาณิชย์ เรามีสถานีชาร์จแรกของเมืองไทย และเรายังเป็นผู้นำ โดยเฉพาะผู้นำสถานีชาร์จเชิงพาณิชย์ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เรามุ่งมั่นสร้างขึ้นมา และทำแบบนี้มาตลอดหลายปี ต้นทุนสถานีชาร์จก็ถูก มันเป็น filosofi ของอีเอตลอด 20 ปีที่ผ่านมา”
EA ไม่ใช่แค่ทำธุรกิจ แต่สร้าง “เทคโนโลยี” ด้วย
ยังมีอีกหลายโครงการที่ EA ได้ทำให้เกิดขึ้นแล้ว เช่นล่าสุดที่อีเอ อยู่ระหว่างการทำธุรกิจผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ซึ่งอีเอเป็นรายเดียวที่ไม่ต้องซื้อและสร้างได้ และกำลังเป็นโรงแรกที่จะมีน้ำมันเครื่องบินหยดแรกออกมาภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ EA ไม่ใช่แค่สร้างธุรกิจ แต่ยังเป็นผู้สร้างเทคโนโลยี เทคโนโลยีที่สร้างก็เป็นระดับโลก ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถไปจดสิทธิบัตรได้ทั่วโลก เช่นสิทธิบัตร Fast Chargeที่จดทะเบียนทั่วโลกในประเทศที่พัฒนาแล้ว ดังนั้น EA เติบโตมาด้วยอินโนเวชั่น ความมุ่งมั่นที่จะทำตัวเองแข่งขันได้ และทำสิ่งที่ดีๆให้กับสังคม เช่นเรือไฟฟ้าที่ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาไฟฟ้า มีรถเมล์ที่เราร่วมลงทุน
หลายสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแค่ 10 ปี ซึ่งผมคนเดียวทำสิ่งเหล่านี้คนเดียวไม่ได้ แต่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของพนักงานอีเอทั้งหมดที่มีกว่า 3,000ชีวิตที่ช่วยกัน มี Passion มีความเชื่อร่วมกันว่าเราจะพัฒนาสิ่งดีๆเพื่อทำให้ประเทศไทยไม่แพ้ประเทศอื่นๆ
ผมรัก EA หากยังนั่งอยู่คงไม่แฟร์กับ EA
“สมโภชน์” เล่าต่อว่า วันนี้ผมใจหาย...เพราะผมรัก EA แต่ถ้าผมนั่งอยู่ และการที่ผมออกคนนึงแล้วบอกว่า EA จะเดินต่อไป ผมว่ามันไม่แฟร์กับอีเอ
ทุกคนมี 24 ชั่วโมง สิ่งพวกเนี่ยมันต้องใช้สกิลใช้ความมุ่งมั่น ใช้ความพยายามของคน ยังมีคนอีกจำนวนมาก ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เกิดมาได้ มันเกิดมาทีมเวิร์ค เพราะฉะนั้นอีเอจะเดินต่อไป!!
ถัดมา การที่ผมไปลงทุนแต่ละที่ แต่ละธุรกิจเราลงทุนไม่ว่าจะถูกกล่าวหาว่าทุจริต ไม่ทุจริต หรือทุจริตแล้ว ก็ยังมีต้นทุนที่ถูกกว่า ไม่ใช่โครงการเดียว แต่เกือบ 100% ของทุกโครงการที่อีเอทำ อีเอทำถูกที่สุดมีประสิทธิภาพที่สุดทุกครั้ง ดังนั้นบริษัทอย่างนี้ ไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่?
เพราะหากทำไม่ถูก นั่นอาจหมายถึงมูลค่าทางบัญชีของบริษัท หรือบุ๊กเวลู ที่เห็นวันนี้อยู่ที่ 11.10 บาท หากทำโรงไฟฟ้าแพงๆ บุ๊กเวลูก็ต้องสูง หากทำถูกๆ บุ๊กเวลูก็ต่ำ ดังนั้น บุ๊กเวลูที่อยู่ตรงนี้ผมเชื่อว่ามีคุณภาพ การลงทุนของทุกโครงการของอีเอตรวจสอบได้
“อีเอ” ไม่ได้มีปัญหาเหมือน STARK
เริ่มที่โรงไฟฟ้า ต่อเมกะวัตต์ก็กำไรดีกว่าบริษัทอื่นๆเสมอมา จะบอกว่าซื้อของถูกของไม่ดี ไม่ใช่ เราซื้อของถูกและดี และดีเป็นเวลามากกว่า10ปี ดังนั้นคิดว่าบริษัทอย่างนี้เหมือนบริษัทที่มีปัญหาเหมือนในตลอด ที่เอาไปเทียบกับกรณี “STARK” ไม่ใช่
อีเอมีทรัพย์สินที่มีมูลค่าที่เหมาะสม มี Performance มีรายได้ทุกเดือน แต่ละเดือนมีเงินเข้ามาเป็นพันล้านบาทที่เข้ามา เราไม่ใช่ STARK แน่นอน เราจะเป็น STARK ได้อย่างไร เราสามารถสร้างนวัตกรรมที่ทุกคนยอมรับ กระทั่งเมืองนอกก็ยอมรับ เช่นรถไฟที่ใส่แบตเตอรี่ ที่เป็นครั้งแรกของโลกที่วิ่งได้200กิโล โดยไม่ต้องชาร์ต
และเราเป็นหนึ่งบริษัทเดียวใน 40 ประเทศ ที่CRRC ผู้ผลิตรถไฟชั้นนำของโลก เชิญไปเซ็นข้อตกลงเชิงยุทธศาสตร์ strategic agreement ดังนั้นต่างประเทศมองอีเออย่างไร และระหว่างที่โดนก.ล.ต.กล่าวโทษ อีเอก็ไปงานระดับโลกที่มาเลเซีย และเชิญให้เอารถอีเอไปโชว์
เชื่อมั่นใน EA ยังเดินต่อไปได้
“ผมเข้าใจว่าตอนนี้คนอาจจะมองด้วยความสับสน มีความกลัวว่า EA จะเดินต่อได้หรือไม่ ผมมั่นใจในทีมงานของผม เพราะทุกคนวันนี้มุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ ทีมงานก็คือทีมงานเดิม แค่ขาดผมกับคุณอมรสองคน จริงอยู่ที่ผมเป็นเฟืองตัวใหญ่ตัวหนึ่ง แต่เฟืองตัวเล็กๆก็ยังทำงานอยู่และทุกคนก็มุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ”
หากดูกระแสเงินสด ก็ยังคงเข้ามาต่อเนื่อง เดือนละกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนบุ๊กเวลูก็สะท้อนโครงการที่ทำมา หาก EA ทำทุกโครงการอย่างมีคุณภาพมีต้นทุนที่ไม่สูง แล้วบุ๊กเวลูจะกลวงหรือไม่?
ซึ่งยอมรับและเข้าใจมากๆ หลังจากที่มีการเอาบอนด์ของ EA ออกมาขายในตลาดลดถึง 50% หากลด50% มาขายผมเลย เพราะหากออกบอนด์ 5,000 ล้านบาท รออีก 5 เดือนก็ได้เงินคืนแล้ว 5,000 ล้านบาท เพราะอีเอมีรายได้เข้าทุกเดือน ดังนั้น หากซื้อบอนด์วันนี้ที่ราคาลดลง 50% วันนี้อีก 5 เดือนข้างหน้าได้ 100%
EA ไม่ควรโดนบูลลี่
อยากให้ทุกคนมีสติ ผมต้องขอโทษจริงๆ ที่เรื่องส่วนตัวของผม มาทำร้ายบริษัท มาทำร้ายความเชื่อมั่นที่ดีๆ ของบริษัท มาทำร้ายความเชื่อมั่นพนักงานอีก 3,000 คน ที่มีความมุ่งมั่นและมีผลงานพี่ตอบโจทย์ ดังนั้นผมคิดว่าบริษัทอย่างนี้ ไม่ควรที่จะโดนบูลลี่
ส่วนเรื่องส่วนตัวผม ก็น้อมรับว่าและต้องไปเออพิสูจน์กันทางกฎหมาย และตัวบริษัทเอง ไม่ใช่ “STARK” แน่นอน ผมมั่นใจว่า ทีมงานที่มีอยู่ สามารถสานต่อฝันที่อยู่ตรงนี้ได้อย่างแน่นอน หลายโครงการที่มีอยู่แล้วมีกำไรดีแน่นอน แต่บางคนมีคำถามว่าแล้วโครงการใหม่ๆจะไปต่อได้หรือไม่ ผมบอกไปแล้วว่า ถึง “เจ๊งหมด” อีเอก็จ่ายหนี้ดอกเบี้ยได้ service ได้ จากกระแสเงินสดที่ไหลเข้าต่อเดือนกว่า 1,000 ล้านบาท
แต่วันนี้ โครงการที่มีคำถามว่าจะเจ๊งหรือไม่ วันนี้โครงการเหล่านั้นทำกำไรแล้วโครงการรถเมล์ EBITDA ขึ้นมาเป็นบวก รถไฟฟ้าก็หมด คนขับก็ได้เงินเดือนดี EBITDA เราเป็นบวก หากเทียบกับ ขสมก.ที่วันนี้ขาดทุนหมื่นล้านบาท EBITDA ติดลบ รัฐต้องเข้าไปอุ้ม ดังนั้นอีเอแข่งขันได้มากกว่ามาก
ฉะนั้นทุกโครงการรถไฟทั้งหมด หรือตัว บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ก็ดี แม้ช่วงก่อนหน้านี้ผู้บริหาร และตัวผมจะโชคร้ายถูกบังคับขายหุ้น หรือฟอร์ซเซล แต่ตัวบริษัท เราขายรถไฟฟ้าเยอะที่สุด และพิสูจน์แล้วว่าธุรกิจไปต่อได้ เพราะคำนวณออกมาแล้วว่า การซื้อรถไฟฟ้าเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์มีความคุ้มค่า ลดค่าพลังงาน ลดค่าใช้จ่ายถูกกว่าน้ำมัน
“วันนี้เราอยู่ในโฟซิชั่นที่เป็นเบอร์หนึ่ง ไม่ได้มีเบอร์สอง ที่จะเข้ามาแข่งในธุรกิจนี้มากมาย ไม่มีใครมีมากเท่า EA ไม่มี”
ขอโอกาสให้กับ EA
“อยากขอโอกาสให้บริษัทไทยบริษัทหนึ่ง ที่มีความมุ่งมั่นที่ทำเรื่องนี้มาตลอด 20 ปี และมีความประจักษ์อยากให้ประเทศไทยมีอนาคต อยากให้บริษัทแบบนี้เกิดขึ้นเยอะๆอย่าให้ความเชื่อมั่น หรือความสับสนที่เกิดขึ้นในวันนี้ เข้าใจว่าเศรษฐกิจ ภาพรวมวันนี้ไม่ดี แต่เราไม่ใช่คนพวกนั้นแน่นอน”
สุดท้ายอยากฝากนักลงทุน ช่วยพิจารณาสิ่งที่พูดวันนี้ และไตร่ตรองด้วยเหตุด้วยผล จากข้อมูลทั้งหมด และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะขอฝากบริษัทที่ผมรัก ที่ผมมีความฝันและส่งไม้ต่อให้ทีมงาน บอร์ดของผมเพื่อสานฝันให้เป็นจริงต่อ เรายังมีผู้ถือหุ้นมากกว่า 50,000 คนที่ยังเชื่อมั่นในบริษัทและลงทุนกับเรา เราคงไม่ยอมแพ้ในจุดนี้ และคงต้องทำให้สำเร็จ