‘เรืองโรจน์‘ ปักธง KBTG ผู้นำเทคฯ หนุนไทยเป็นจุดหมาย ปลายทางเทคโนโลยีอนาคต
‘เรืองโรจน์’ปักธง‘เคบีทีจี’ผู้นำเทคฯ หนุนไทยเป็นจุดหมาย...ปลายทางเทคโนโลยีแห่งอนาคต ล่าสุดจัดงาน KBTG Techtopia ขึ้นเป็นปีที่ 2 ธีม “A Blast From the Future” ชี้เรากำลังอยู่ในโลกที่กำลังอยู่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI
“โลกกำลังอยู่ในยุคที่เทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI มีวิวัฒนาการที่ผันเปลี่ยน และก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การตามเทรนด์ให้ทันเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป แต่เราต้องรู้วิธีการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์อย่างถูกวิธีและมีจริยธรรม”
นี่คือคำพูดบางช่วงบางตอนของเจ้าพ่อเทคโนโลยีอย่าง “กระทิง” เรืองโรจน์ พูนผลประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG”
เหล่านี้ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ และทำให้เกิดงาน KBTG Techtopia ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการจัดขึ้นปีที่สอง ในธีม “A Blast From the Future”
ดังนั้น เพื่อสื่อให้เห็นว่า... เทคโนโลยีจากโลกอนาคตอันใกล้นั้น สามารถเป็นตัว “จุดประกาย”ให้เกิดความเป็นไปได้ในเชิงบวกไม่สิ้นสุด....ช่วยเพิ่มความสามารถให้มนุษย์และเปิดประตูให้สามารถทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ ในทางกลับกัน หากใช้มันในทางที่ผิด ก็อาจส่งผลกระทบในเชิงลบมากมายได้เช่นกัน
โดยการจัดงาน KBTG Techtopia ในปีนี้นั้น จึงถูกยกให้เป็นงานเทคสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ในธีมA Blast From the Future เจาะเวลาจากอนาคต และกระตุ้นให้เกิดความคิดและจุดประกายทักษะใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ ผู้คุณวุฒิกว่า 70 ท่านจากทั่วโลก ที่จะมาร่วมเปิดโลกอนาคต และแชร์มุมมองเกี่ยวกับ AI และเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก
สอดคล้องกับการเสวนาในงานเต็มไปด้วยหัวข้อที่น่าสนใจอย่างมาก ที่ล้วนถูกถ่ายถอดออกมาให้เห็นภาพและเห็นอนาคตของโลก AI สะท้อนผ่าน Case Study ที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนแผนกลยุทธ์ AI ระดับชาติ ไปจนถึงแนวทางการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบและถูกจริยธรรม ผ่านมุมมองของคนในหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำหนดนโยบาย หน่วยงานวิจัย คณาจารย์ ไปจนถึงภาคเอกชนทั้งในไทยและต่างประเทศ
ด้วย “จุดเด่น” ของงาน ยังเต็มไปด้วยการ Showcase Exhibition โชว์งานวิจัยและนวัตกรรมจาก KBTG Labs, KX, Kubix และ K-Tech ที่บินตรงมาจากจีน รวมไปถึงบริษัทลูกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย อย่าง orbix (ออร์บิกซ์) และพันธมิตรชั้นนำ
และยิ่งไปกว่านั้น ยังเจาะลึกถึงอนาคตไม่ว่าจะเป็นโลกของ Web3 และ Digital Asset หลังจากเหตุการณ์สำคัญอย่าง Bitcoin Halving
สะท้อนความหลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะหัวข้อด้าน AI โดยมีการกล่าวถึงเทคโนโลยีเกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Machine Learning, Blockchain, Web3, Quantum Computing, Cyber Security, ESG และอีกมากมาย ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เช่น Microsoft, AWS, Google Cloud, IBM และ Cisco เป็นต้น
“เรืองโรจน์” กล่าวภายหลังความสำเร็จของงาน KBTG Techtopia ที่มีนี้มีคนเข้าร่วมคับคั่งกว่า 2,500 คนว่า งานนี้เป็นงานต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แต่ในปีนี้ได้ยกระดับงานขึ้น ด้วยการย้ายสถานที่จัดงานจากตึก KBTG มายังสามย่านมิตรทาวน์ ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร และพลิกโฉมชั้นห้า ตั้งแต่สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ไปจนถึงโซน House Samyan เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้มาสัมผัสเทคโนโลยีล้ำยุคและร่วมวงสนทนาสุดเข้มข้น
โดยงานนี้แม้จะยังคงมุ่งเน้นไปที่ AI เป็นหลัก แต่ KBTG เลือกหยิบประเด็นนอกเหนือจากเรื่องเทรนด์ และคัดสรรหัวข้อที่มีการหารือกันในเวทีระดับโลก เช่น การบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์ระดับชาติ และการใช้งาน AI อย่างมีจริยธรรม (AI Ethics)
และสิ่งสำคัญที่สุดที่ KBTG อยากจะสื่อสาร ซึ่งสวนทางความเชื่อของคนส่วนใหญ่ คือ การที่ AI จะไม่เข้ามาลดบทบาทของมนุษย์ลงหรือเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้ แต่กลับจะยิ่งทำให้ความสำคัญของมนุษย์เพิ่มมากขึ้นในอนาคต เสมือนมนุษย์เป็นวาทยกรผู้ควบคุมวงดนตรี ท้ายสุดแล้วเบื้องหลัง AI ต้องมีมนุษย์อยู่เสมอ (Always bring AI on the table but keep humans in the room)
เขายกให้เห็นถึงความสำคัญของโลกแห่ง AI ว่า ภายในปี 2030 AI สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้กับโลกได้เทียบเท่ากับ GDP ของหนึ่งประเทศ หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 15.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้น คนต้องหันมาให้ความสำคัญกับ AI มากขึ้น และคนในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงคนของ KBTG เท่านั้น แต่หมายถึง “ทุกคน” ในประเทศไทยที่ต้องมีทักษะด้าน AI เพื่อความอยู่รอดในโลกแห่งอนาคต
งาน KBTG Techtopia ครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “A Blast From the Future” โดย KBTG มุ่งนำเสนอความเป็นไปได้ใหม่ ๆ จากการปลดล็อกของเทคโนโลยี รวมถึงชี้ให้เห็นถึงผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ พร้อมกันนี้ KBTG ได้เชิญผู้ที่มีบทบาทด้านการกำหนดนโยบายของไทยและตัวแทนจากสถาบันระดับโลกมาร่วมแบ่งปันแผนปฏิบัติการและวาดภาพวิสัยทัศน์แห่งอนาคตไปด้วยกัน
หนึ่งในพระเอกของงานคือ วิทยากรหลัก Dr. Andrew Ng, Managing General Partner ของ AI Fund ผู้ก่อตั้ง DeepLearning.AI ผู้ร่วมก่อตั้ง Coursera และผู้ที่ได้รับการขนานนามจากนิตยสาร Time ว่าเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกด้าน AI
ดังเห็นภาพในช่วงการกล่าวปาฐกถา Andrew Ng ได้อธิบายถึง การพัฒนาอย่างรวดเร็วของ AI ที่กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีสารพัดประโยชน์ (General-purpose Technology) และ AI กำลังจะเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลก AI ดังเช่นการมาของไฟฟ้า นอกจากโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วมากมาย
และยังมองว่าประเด็นของความเสี่ยงที่ไม่ได้มาจากตัวเทคโนโลยีเอง แต่จากเลือกการประยุกต์ใช้งาน เขาได้ชูโอกาสการประยุกต์ใช้ AI ของประเทศไทย ทั้งการท่องเที่ยว สาธารณสุข และเกษตรกรรม
สุดท้ายแล้วเขาเชื่อว่า ประเทศไทยจะมีโอกาส และศักยภาพในการเป็นผู้นำด้าน AI ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งจากบุคลากรที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยี การมีวิศวกรรมจำนวนมาก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการนำมาสู่การพัฒนา AI รวมถึงแรงสนับสนุนจาก “ภาครัฐ” ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนา AI อย่างต่อเนื่องทั้งการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในด้าน AI จนปัจจุบันเริ่มเห็นความต้องการเทคโนโลยี AI ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น การปรากฏตัวของ Dr. Andrew บนเวที KBTG Techtopia เกิดขึ้นหลังจากการประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง AI Fund กับ KXVC ซึ่งเป็นบริษัท Venture Capital ของ KBTG
โดยมีเป้าหมายในการสร้างสตาร์ทอัพด้าน AI และเสริมสร้างระบบนิเวศที่เข้มแข็งของทั้งสองฝ่าย ในระหว่างการมาเยือนไทยของเขา KBTG และ Andrew ยังได้ต่อยอดความร่วมมือด้าน AI และการศึกษาผ่านอีก 2 โครงการ ได้แก่ KBTG, DeepLearning.AI และสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) ในการดำเนินโครงการ KBTG.AI Kampus เพื่อส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้าน AI ของไทย
และ KBTG, AI Fund และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในการศึกษาโซลูชันและแนวทางการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อพัฒนาระบบการศึกษาของเยาวชนในประเทศไทย ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของประเทศ งานโดยรวมจึงประกอบด้วยเวทีเสวนา 3 เวที 6 เวิร์คช็อป
อย่างไรก็ตาม การจัดงานครั้งนี้ รายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายบัตรหลังหักค่าใช้จ่ายจะมอบให้กับสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการ OpenThaiGPTที่มุ่งเน้นการยกระดับประสิทธิภาพของโมเดลภาษาไทยขนาดใหญ่ (Thai LLM) และปรับปรุงการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น
โดยหลังจากที่จำหน่ายบัตรเข้างานได้หมด ทาง KBTG สามารถรวบรวมเงินให้กับโครงการเป็นยอดถึง 681,000 บาท อีกทั้งจะมีการนำยอดการจำหน่ายบัตรสำหรับการชมแบบรีรันมาสมทบต่อไป
“เรืองโรจน์” ปิดท้ายว่า “เราหวังว่างาน KBTG Techtopia จะทำให้โลกได้เห็นว่า KBTG คือผู้ทรงอิทธิพลด้านเทคโนโลยีแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทยคือจุดหมายปลายทางของเทคโนโลยีแห่งอนาคต การได้บุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง Andrew Ng มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนนับพันในประเทศไทยเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่างาน KBTG Techtopia คือสถานที่สาวกเทคโนโลยีจะพลาดไม่ได้ การจัดงานในปีหน้าจะใหญ่ยิ่งกว่าเดิม และเราตั้งตารอที่จะพาทุกคนออกเดินทางสำรวจอนาคตอีกครั้ง”