DBS จับ'เศรษฐีไทย' ชูบริหารมั่งคั่งครบวงจร

นายชี ซือ คุน ประธานหัวหน้ากลุ่มฝ่ายบุคคลธนกิจ และจัดการความมั่งคั่ง ธนาคารดีบีเอส สิงค์โปร  (DBS) เปิดเผยว่า พบว่าฐานะเศรษฐกิจไทยใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไทยมีผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UHNWIs) จำนวน 900 คน (มีสินทรัพย์สุทธิ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป) คาดจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 15% เป็นมากกว่า 1,000 คน ภายในปี 2572

โดยมาจาก 3 ความต้องกาของลูกค้าผู้ลงทุนรายใหญ่และผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษเติบโตความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ดังนี้ 

1. การเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้มั่งคั่ง กำลังสร้างความต้องการที่ไม่เคยมีมาก่อน สำหรับบริการวางแผนความมั่งคั่งที่ซับซ้อน การบริหารความมั่งคั่งของครอบครัว และความต้องการในการบริหารจัดการเงินทุนขององค์กร โดยมีปัจจัยจาก
- ประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจที่กำลังเข้าสู่ยุคผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว และอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงความมั่งคั่งสู่รุ่นที่ 3
- ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของประเทศมาจากธุรกิจครอบครัว จึงมีความต้องการและความจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนครอบครัวของผู้ประกอบการทั้งในภูมิภาคและต่างประเทศ โดยร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อช่วยนำพาพวกเขาในการลงทุนในต่างประเทศ เรียนรู้ และยอมรับในธุรกิจใหม่ๆ รวมวางแผนสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต

2. นักลงทุนมองหาโอกาสในการลงทุนในต่างประเทศที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น และบริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ สาเหตุจาก
- แม้ว่าผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (HNWIs) ในประเทศไทยจะค่อนข้างระมัดระวังกับการลงทุนในต่างประเทศ แต่สิ่งนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไป เมื่อความมั่งคั่งส่วนบุคคลของพวกเขากำลังเติบโตขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการบริการบริหารจัดการความมั่งคั่งอย่างครบวงจรและกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกมากขึ้น
- นักลงทุนรายใหญ่ได้รับคำแนะนำให้กระจายการลงทุนไปทั่วโลก เพื่อให้ได้ ประโยชน์จากผลตอบแทนที่อาจสูงขึ้นจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย (เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นในประเทศ) และให้ลงทุนในกลุ่มที่มีแนวโน้มระยะยาว เช่นกลุ่มเทคโนโลยี และ AI ของสหรัฐฯ ที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567
- นักลงทุนรายใหญ่เริ่มหันมาสนใจโซลูชันการลงทุนแบบที่มุ่งหวังกระแสเงินสดในระยะยาวในสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ (Endownment-Style Investment) เช่น Private Assets สินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ อย่าง Hedge funds และ Private equity แบบ semi-Liquid รวมถึง Co- Investment deals เป็นต้น

3. ความต้องการในการรับคำแนะนำการลงทุนเฉพาะบุคคลจาก "คน" เพื่อช่วยจัดการกับอคติในการลงทุน/การบริหารความมั่งคั่ง เพราะมากกว่า 65% ของผู้ลงทุนรายใหญ่ พบว่า อคติมีผลกระทบต่อการตัดสินใจการลงทุนโดยเฉพาะในช่วงเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น การแต่งงาน การหย่าร้าง และการเกษียณอายุ ส่งผลให้ 79% ของนักลงทุนกลุ่มนี้ต้องการคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อช่วยจัดการกับอคติเหล่านี้ แม้ว่าพวกเขาจะค้นหาคำแนะนำแล้วแต่ 65% ยังคงกังวลเกี่ยวกับการขาดคำแนะนำที่ปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขา

นายเอ็ดวิน แทน หัวหน้าฝ่ายธนบดีธนกิจประเทศไทย และฟิลิปปินส์ ธนาคารดีบีเอส สิงค์โปร กล่าวว่า แผนกลยุทธ์ขยายการให้บริการลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งของธนาคาร เน้นลงทุนผ่านดิจิทัล โดยมี AI เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพ มุ่ง การให้คำปรึกษาในรูปแบบ “Phy-gital” แบบเฉพาะบุคคล ซึ่งผสมผสานการบริการระหว่างที่ปรึกษาการลงทุน (RM) และเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งได้รับประสบการณ์ที่สะดวกราบรื่นในการตัดสินใจลงทุนแม้ช่วงที่ตลาดผันผวน

โดยช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมุ่งเพิ่มศักยภาพและยกระดับให้บริการในไทย และเปิดตัวบริการใหม่ พร้อมลงทุนพัฒนาปรับปรุงประสบการณ์ในการใช้ดิจิทัลดียิ่งขึ้น ด้วยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ในสิงคโปร์ที่สอดคล้องกับกฎระเบียบไทยมาให้บริการ “กลุ่มลูกค้า มั่งคั่ง” แบบครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในไทย

ทั้งนี้ ยังคงเป้าหมายการเพิ่ม AUM การบริหารความมั่งคั่ง (wealth management) ในไทยแตะ 300,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 หรือเพิ่มขึ้น 3 เท่า จากต้นปีที่ผ่านมามี AUM ที่ 100,000 ล้านบาท และเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยมีที่ปรึกษาการเงิน (RM) เงินเพิ่ม 2 เท่า และ 50% ของการเพิ่มจำนวนการเติบโตที่คาดไว้ราว 200,000 ล้านบาท จะมาจากการเติบโตของกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ และรายใหญ่พิเศษ

หลังตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ได้ลงทุนต่อเนื่องในไทย มีพัฒนาการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และได้เห็นถึงผลในระยะแรกแล้ว โดยช่วงปลายมี.ค.ที่ผ่านมาเรายังได้พัฒนาแฟลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้น พบจำนวนบัญชีการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% และยอดเงินสดรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า100%

“ดีบีเอสให้บริการ รูปแบบพิเศษกับกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง เติบโตขึ้นต่อเนื่องด้วยข้อเสนอบริการครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นรายแรกเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในสินทรัพย์นอกตลาด (Private Assets) ในปีนี้ โดย3เดือนที่ผ่านมา ดำเนินการระดมทุนสำเร็จไปแล้ว ถึง2 ดีล  สะท้อนถึง ศักยภาพและโอกาสที่ น่าสนใจที่มีแต่ลูกค้ามั่งคั่งเป็นอย่างมาก”