กองทุน Thai ESG ลงทุนความยั่งยืน เมกะเทรนด์โลก ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีสูง 6.40%

กองทุน Thai ESG ลงทุนความยั่งยืน เมกะเทรนด์โลก ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีสูง 6.40%

กองทุน Thai ESG ลงทุนความยั่งยืน เมกะเทรนด์โลก ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีสูง 6.40% "กูรู" ระบุ กองทุน Thai ESG จูงใจนักลงทุนเดิมลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาท ปรับเป็น 300,000 บาท ระยะเวลาเหลือแค่ 5 ปี

ESG หนึ่งในเมกะเทรนด์ระดับโลก ในการลดโลกร้อน หรือ Climate Change ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกันอย่างมาก ขณะที่ประเทศไทยต่างก็ให้ความสำคัญกับ ESG เช่นกัน โดยในภาคของการลงทุนมีการจัดตั้ง กองทุน Thai ESG ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ และปัจจุบันมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์เป็น 300,000 บาท จาก 100,000 บาท 

ขณะเดียวกัน กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thai ESG และกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ได้รับแรงหนุนจาก 3 หน่วยงานอย่าง กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงาน ก.ล.ต.ร่วมมือขับเคลื่อน ผลักดันดัชนีหุ้นไทยมีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง 

วิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า เทรนด์ ESG เป็นกระแสทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลไทยเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาเต็มที่กับเรื่องนี้ เป็นกระแสทั่วโลกที่มีผลมาก โดยเฉพาะในหลายประเทศเช่น ยุโรป สหรัฐ เวลาที่มีการเลือกลงทุนจะเลือก ESG ก่อนเสมอ ขณะที่เม็ดเงินทั่วโลกจะไหลเข้าหุ้น ESG เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้น ดังนั้นหุ้นไทย หรือบริษัทจดทะเบียนไทย ทำ ESG และได้รับคะแนนที่ดี หรืออยู่ในดัชนี ESG จะได้รับความสนใจ หรือได้รับเม็ดเงินลงทุนก่อนมากกว่าหุ้นอื่น ๆ ซึี่งเทรนด์นี้ในอนาคตมาแน่ๆ 

ส่วนนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุน Thai ESG แนะนำว่า ไม่ควรที่จะรอช้า ไปจนถึงปลายปี หลังจากที่รัฐบาลมีการปรับเงื่่อนไขให้มีความน่าสนใจมากขึ้นจากที่เดิมลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาท ปรับเป็น 300,000 บาท ระยะเวลาเหลือแค่ 5 ปี น่าจะโดนใจนักลงทุน และหากไปซื้อในช่วงปลายปีอาจจะซื้อแพงไปแล้ว 

ส่วนหุ้นที่อยู่ในกองทุน Thai ESG ของ บลจ.กสิกรไทย อย่างกองทุนเปิดเค Target Net Zero หุ้นไทย เน้นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูง คล้ายกับกองทุนวายุภักษ์ ที่มีการจ่ายปันผลสูง ดังนั้นเชื่อว่าการที่รัฐบาลออกมากระตุ้นมีประโยชน์กับนักลงทุนที่สนใจกองทุน ESG มาก 

“นอกจากหน้าหุ้นที่มีความคล้ายคลึงกันแล้ว ระหว่างกองทุนวายุภักษ์กับกองทุน ESG ยังมีลุ้นได้ว่าตลาดหุ้นจะกลับมาเป็นขาขึ้นตั้งแต่นี้จนถึงสิ้นปี 2567 จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และจากกระแสกองทุนวายุภักษ์ที่ออกมาค่อนข้างดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และกองทุนวายุภักษ์จะต้องมีเงินเข้าไปลงทุนจริงในหุ้น โดยปัจจัยทั้งหมดนี้จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไปต่อได้ถึงสิ้นปีนี้และปีหน้า” 

อิศรา พูฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ดาโอ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กองทุน Thai ESG ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ปัจจุบันเราจะเห็นตลาดหุ้นมีความเกี่ยวข้องกับ ESG ค่อนข้างมาก ดังนั้น การที่เข้ามาลงทุน ESG เป็นการช่วยสนับสนุนบริษัทที่ทำถูกต้องตามมาตรฐาน ESG และเป็นการช่วยพัฒนาตลาดในอนาคตด้วย เนื่องจากว่า บริษัทที่มีการปฎิบัติตามเกณฑ์ ESG ที่ดี จะช่วยสะท้อนผลประกอบการ 

ทั้งนี้ กองทุน Thai ESG ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีมาก จึงอยากให้นักลงทุนใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เพราะว่า กองทุนอื่น ๆ อาจจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยในปีนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นด้วย 

ชยนนท์ รักกาญจนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ฟินโนมีนา ให้ข้อมูลต่อว่า กองทุน Thai ESG มีการขยายวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้จากสูงสุดไม่เกิน 100,000 เป็น 300,000 บาท ไม่นับรวมกับกองทุน SSF และกองทุน RMF ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มเข้ามามากขึ้น รวมถึงนโยบายของกองทุนไม่ได้มีการจำกัดที่ ESG เพียงอย่างเดียว ซึ่งจะมีการขยายออกไปในส่วนของ CG ส่งผลให้ผู้จัดการกองทุนมีการคัดเลือกหุ้นมากขึ้นและกว้างขึ้น ทำให้สามารถหาผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้มาก 

แต่ทว่าในส่วนของวงที่เพิ่มขึ้น มีนักลงทุนใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีมากขึ้นมองว่า อาจจะไม่ได้พยุงหุ้นไทยในระยะสั้นได้ เนื่องจากขนาดของกองทุนประเมินว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 - 3,000 ล้านบาท 

“หากนักลงทุนมีเงินลงทุนจำกัด และต้องเลือกลงทุนระหว่างกองทุนวายุภักษ์กับ Thai ESG ซึ่งข้อดีของกองทุนวายุภักษ์จะได้ดาวไซด์แน่ๆ จากการที่กระทรวงการคลังนำส่วนของตัวเองเข้ามาลงทุน ซึ่งอัพไซด์อยู่ที่ 9% และที่เหลือกระทรวงการคลังก็รับไป เพราะต้องมีการชดเชยในส่วนที่มีการการันตี ดังนั้นหากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้ต่ำ อยากได้ผลตอบแทนที่ 3% รับความผันผวนไม่ได้มาก ก็ต้องเลือกลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ แต่ทว่า กองทุน Thai ESG เรามองว่า มีประโยชน์มากกว่ากองทุนวายุภักษ์ หากซื้อที่ P/E หุ้นไทยในช่วงนี้ที่ถูกมาก ๆ ในรอบ 10 ปี หากซื้อไว้และถือระยะเวลาพียงแค่ 5 ปี บวกกับอัพไซด์ก็จะไม่มีลิมิตเหมือนกับวายุภักษ์ ทำให้นักลงทุนมีสภาพคล่อง ขณะที่สิทธิที่นักลงทุนจะได้รับแยกวงเงินออกมาจาก SSF และ RMF ขณะที่วายุภักษ์ไม่ได้ลดหย่อนภาษี เพราะฉะนั้นคนที่มีฐานภาษีที่สูงจะได้รับโยชน์จาก Thai ESG ทำให้ได้รีเทิร์นกลับมาที่สูงกว่าวายุภักษ์ ดังนั้นนักลงทุนเลือกเข้ามาลงทุนใน Thai ESG จะคุ้มกว่า”  

ทั้งนี้ มอร์นิ่งสตาร์ (ประเทศไทย) เผยข้อมูลกองทุน Thai ESG ณ 30 มิ.ย. 2567 มีมูลค่าทรัพย์สินโดยรวมของกองทุนลดหย่อนภาษีในไทย มีมูลค่าประมาณ 7.33 แสนล้านบาท โดยกองทุน RMF มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากที่สุด รวมประมาณ 4.3 แสนล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 59% ของตลาดโดยรวม รองลงมาคือกองทุน LTF ที่มีขนาดประมาณ 2.3 แสนล้านบาท, กองทุน SSF ประมาณ 6.4 หมื่นล้านบาท 

โดย กองทุน Thai ESG ซึ่งมีขนาดประมาณ 6.7 พันล้านบาท  เติบโต 3.3%  มีทั้งสิ้น 31 กองทุน เป็นกองทุน ตราสารหนี้ 2 กองทุน  770 ล้านบาท, กองทุนผสม 4 กองทุน 1,034 ล้านบาท และกองทุนหุ้น 25 กองทุน 4,893 ล้านบาท

ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจกองทุน Thai ESG ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีมากสุด 6.40% (ข้อมูลจาก morningstarthailand ณ 13 ก.ย.2567) 

1.บลจ. พรินซิเพิล

  • กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล อิควิตี้ ESG ชนิดสะสมมูลค่า หรือ PRINCIPAL GESG-A
  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 6.40%
  • มูลค่า NAV 68.75 ล้านบาท 
  • ราคา 12.12 บาท 
  • ความเสี่ยง 6
  • วันที่จดทะเบียนกองทุน 20 พ.ค.2565

2.บลจ.เกียรตินาคินภัทร

  • กองทุนเปิดเคเคพี SET50 ESG ชนิดทั่วไป หรือ KKP SET50 ESG
  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 5.80%
  • มูลค่า NAV 38.94 ล้านบาท 
  • ราคา 12.45 บาท 
  • ความเสี่ยง 6
  • วันที่จดทะเบียนกองทุน 10 เม.ย. 2563

3.บลจ.บัวหลวง

  • กองทุนรวมบัวหลวงทศพลไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ B-TOP-THAIESG
  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 5.42%
  • มูลค่า NAV  1,270.82 ล้านบาท 
  • ราคา 10.55 บาท 
  • ความเสี่ยง 6
  • วันที่จดทะเบียนกองทุน 19 ธ.ค. 2566

4.บลจ.วรรณ

  • กองทุนเปิด วรรณ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ ONE-THAIESG 
  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 5.32%
  • มูลค่า NAV 41.23 ล้านบาท 
  • ราคา 10.69 บาท 
  • ความเสี่ยง 6
  • วันที่จดทะเบียนกองทุน 18 ธ.ค. 2566

5.บลจ.กสิกรไทย

  • กองทุนเปิดเค Target Net Zero หุ้นไทย หรือ K-TNZ-ThaiESG
  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 3.52%
  • มูลค่า NAV 1,756.48 ล้านบาท 
  • ราคา 10.39 บาท 
  • ความเสี่ยง 6
  • วันที่จดทะเบียนกองทุน 22 ธ.ค. 2566

6.บลจ.เกียรตินาคินภัทร

  • กองทุนเปิดเคเคพี พันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ KKP GB THAI ESG 
  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 3.45%
  • มูลค่า NAV 942.55 ล้านบาท 
  • ราคา 10.43 บาท 
  • ความเสี่ยง 3
  • วันที่จดทะเบียนกองทุน 15 ธ.ค. 2566

7.บลจ.เอ็มเอฟซี 

  • กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีท็อป 25 หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ MT25-ThaiESG
  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 3.13%
  • มูลค่า NAV 30.20 ล้านบาท 
  • ราคา 10.38 บาท 
  • ความเสี่ยง 6
  • วันที่จดทะเบียนกองทุน 21 ธ.ค. 2566

8.บลจ.กรุงไทย

  • กองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ KTAG-ThaiESG
  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2.97%
  • มูลค่า NAV 167.46 ล้านบาท 
  • ราคา 10.43 บาท 
  • ความเสี่ยง 6
  • วันที่จดทะเบียนกองทุน 19 ธ.ค. 2566

9.บลจ.ไทยพาณิชย์

  • กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ไทยผสมยั่งยืน ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ SCBTM(ThaiESG)
  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2.71%
  • มูลค่า NAV 536.31 ล้านบาท 
  • ราคา 10.39 บาท 
  • ความเสี่ยง 5
  • วันที่จดทะเบียนกองทุน 18 ธ.ค. 2566

10.บลจ.กรุงไทย

  • กองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade 70/30 ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ KTAG70/30-ThaiESG
  • ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2.60%
  • มูลค่า NAV 394.88 ล้านบาท 
  • ราคา 10.36 บาท 
  • ความเสี่ยง 5
  • วันที่จดทะเบียนกองทุน 19 ธ.ค. 2566

กองทุน Thai ESG ลงทุนความยั่งยืน เมกะเทรนด์โลก ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีสูง 6.40%